[SF] White halloween :: JohnTen:: - [SF] White halloween :: JohnTen:: นิยาย [SF] White halloween :: JohnTen:: : Dek-D.com - Writer

    [SF] White halloween :: JohnTen::

    ผู้เข้าชมรวม

    293

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    293

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    12
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.พ. 60 / 22:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

       

       





                  Talk : ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องจาก Halloween bride ของคู่ HANTA นะคะ มีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวเนื่องเล็กน้อย ที่ไม่เปิดเป็นเรื่องยาวเพราะตอนเเรกกะจะเเต่งเป็นเเค่ช๊อตสั้นๆฮันตะคู่เดียว เเต่เมื่อวานนี้นึกครึ้มเปิดกลับมาอ่านเรื่องเก่าอะไรไม่รู้เลยจัดจอห์นเตนยาวเลย 555555 สอบถามเเละหาฟิคก่อนหน้านี้ในเเอค @chanikul_ เลยนะคะ ขอโทษในความไม่สะดวกด้วยค่าา >////<













             ร่างสูงโปร่งภายใต้เครื่องกายสูงศักดิ์ขยับตัวเบี่ยงออกร่างอรชรของเด็กหนุ่มข้างกายก่อนจะวางฝ่าเท้าหยาบกร้านลงบนพื้นพรมหนังสัตว์อย่างไร้ซึ่งสุ่มสียงใดเล็ดลอดออกมา หันมองร่างเปลือยเปล่าที่เมื่อยามค่ำคืนได้ปรนเปรอรสรักอันแสนเอร็ดอร่อยอย่างที่ผู้ใดจะเทียมเทียบ

       

      อ่าาา มันก็แน่ละสิ รสรักที่ถูกปรุงแต่งจากคนที่รัก มันต้องรสชาติดีและติดลิ้นกว่าอาหารว่างพวกนั้นอยู่แล้ว

       

      อะ อื้อออ

      ยูทา พักผ่อนไปก่อนเถอะ ข้าจะออกไปดูข้างนอกซักหน่อย ทำไมวันนี้คฤหาสน์ข้ามันถึงเงียบเหงานักนะ

      ไล่เกลี่ยปรอยผมสีดำรัตติกาลออกจากหน้าผากมนของคนรักอย่างนุ่มนวล มองเห็นดวงตาสีแดงก่ำที่เปิดกว้างขึ้นมาก่อนจะค่อยๆปิดลงราวกับเชื่อฟังคำของเขาเป็นอย่างดี

       

      ยูทามักเชื่อฟังและเห็นด้วยกับทุกสิ่งอย่างที่เขาเปิดปากออกไป ….

      ไม่สิ สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตทุกตนในดินแดน มอนท์แมน ฮิลล์ แห่งนี้ต่างหาก

       

      คริสโซ่ จอห์นนี่อยู่อยู่ไหน ?”

      เส้นคิ้วดำขลับย่นเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อกวาดมองไปรอบคฤหาสน์อายุหลายกัลป์แห่งนี้แล้วยังไม่พบชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เขาไว้วางใจและละทิ้งคำว่าข้ารับใช้กับชายผู้นี้

       

      จอห์น ซอ เด็กหนุ่มลูกครึ่งมนุษย์ ปีศาจ ที่ท่านแม่จัดหามาเป็นของขวัญวันเกิดให้เขาเมื่อสามพันปีก่อน

       

      ของขวัญที่กลายเป็นเพื่อนสนิทคนแรกเละคนเดียวของเขา

       

      ท่านจอห์นนี่ …..”

      ว่าอย่างไร เจ้านั่นทำในสิ่งที่ข้าไม่ควรรู้ได้ด้วยงั้นหรือ

      ดวงตาดุดันฉายแววเกรี้ยวกราดพลางจ้องมองไปยังใบหน้าซีดเผือกของชายชราตรงหน้า เขาไม่อยากลุกขึ้นมาจากตั่งเตียงอันหอมหวานเพื่อมาเจอเรื่องไร้สาระเช่นนี้

       

      น่ารำคาญเสียจริง

       

      ทะ ท่านจอห์นนี่ ออกเดินทางไปยัง ฮูมม์แลนด์ ได้สองชั่วยามแล้ว ขอรับ

      ชายชราส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากด้วยความคิดที่ไม่อยากเป็นผู้ชี้เป้าให้ราชาตนนี้ลงโทษเด็กหนุ่มผู้แสนดื้อรั้นที่ตัวเขาเองเป็นผู้ฟูมฟักมาตั้งแต่เล็ก ในใจพลางนึกโทษตัวเองที่ไม่ฉุดรั้งความคิดโง่ๆนั่นให้จริงจังมากกว่านี้

       

      จอห์นนี่เป็นเด็กดี เขาไม่อยากให้เห็นบาดแผลในร่างกายสูงใหญ่นั่นเพียงเพราะความคิดโง่งมชั่ววูบ

       

      ฮ่า ฮ่า เจ้างั่งนั่น ใจร้อนจังเลยนะ

      เงยใบหน้าแห้งเหี่ยวตามกาลเวลาขึ้นมองผู้เป็นเจ้าชีวิตที่กำลังส่งเสียงหัวเราะด้วยความแปลกใจ มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ฝังแฝงไปด้วยความสนุกสนานยิ่งทำให้ชายชราอยากรู้ซึ้งถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมากยิ่งขึ้น

      ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ทำอะไรเด็กน้อยของเจ้าหรอก เจ้านั่นแค่กำลังใช้สิทธิ์ในรางวัลที่ข้าให้ไปก็เท่านั้น

      ใช้สิทธิ์ ? ราชาหมายถึงสิทธิในหนึ่งปีที่ชาวเราสามารถเดินไปทางไปยังเมืองมนุษย์ได้หรือขอรับ

      เจ้าเข้าใจถูกแล้ว อ่อ แล้วอย่าลืมจัดห้องหับที่สะดวกสบายไว้เผื่อห้องหนึ่งหล่ะ

      ทำไมหรือขอรับ

       

       

       

      ข้าแค่สันนิฐานว่าเด็กน้อยของเจ้าน่าจะขโมยชิ้นเนื้อราคาแพงกลับมาก้อนหนึ่งหน่ะ

       

       

       

       

       

       

       

      หยุดก่อน  น้องชายเจ้าจะไปที่ใดหรือ

      ท่อนขาวลีบเล็กภายใต้กางเกงสีน้ำตาลอ่อนเดินเร็วๆไปยังรถม้าคันงามที่ถูกควบคุมด้วยชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เพียงไม่นานเด็กหนุ่มผู้นั้นก็กระโดดลงมาโค้งให้พวกเขาของนอบน้อม กระชับผ้าผืนดำที่ปิดทับอยู่บนสันจมูกโด่งคมพลางใช้สายตากวาดมองไปรอบๆบริเวณอย่างใช้ความคิด

       

             เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด หลังจากการหายตัวไปของของราชินี หมู่บ้านแห่งนี้คงจัดสรรเวรยามขึ้นมาคอยดูแลความปลอดภัยของพวกชาวบ้าน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เขากลับคิดว่ามันโง่เง่าเสียมากกว่า

       

      วัวหายแล้วล้อมคอกจะได้อะไรกลับคืน ส่งมนุษย์มาเป็นเพื่อนเล่นกับพวกปีศาจน้อยของเขาหรืออย่างไร

       

       

      อะแฮ่ม ว่าอย่างไร ถ้าเจ้าไม่มีจุดหมายที่จะไปพวกข้าคงปล่อยเจ้าผ่านไปไม่ได้หรอกนะ

      เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงแหลมที่มีใบหน้าลีบเล็กเพียงแค่ครึ่งฝ่ามือ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงเล็กน้อย ดวงตาฉายแววชื่อสัตย์ หากแต่ริมฝีปากกลับยิ้มเยาะ

      ผมได้ยินว่าเมืองแห่งนี้มีร้านอาหารที่ขึ้นชื่ออยู่ร้านหนึ่ง ใจจึงอยากเดินทางมาลิ้มลองซักครั้ง หวังว่าพวกพี่ชายจะเห็นด้วยกับเหตุผลอันเล็กน้อยเช่นนี้

       นี่เจ้าหนุ่ม เจ้าไม่รู้เหรอว่าเมืองนี้ไม่ได้เที่ยวเล่นเหมือนแต่ก่อน กลับไปเถอะ เหตุผลของเจ้ามันน้อยนิดเกินไป

      มือเล็กโบกไปข้างหน้าไวๆราวกับขับไสไล่ส่งเขาอย่างไม่ใยดี ฝ่าเท้าแห้งกรังทำท่าจะสาวกลับไปที่เดิมกลับหยุดนิ่งเพียงแค่เขาส่งเสียงรั้งเอาไว้เบาๆ

      เดี๋ยวก่อนพี่ชาย  นี่เป็นเงินเก็บทั้งปีของผม

      หืม  ?”

      ผมคงใช้ไม่หมด รบกวนพี่ชายช่วยเอาไปใช้ซักครึ่งนึงสิ

       

       

       

       

       

       

       

      แทบจะว่างเปล่า .....

       

                ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากที่ชายผู้นั้นบอกกับเขาแม้แต่น้อย ตลอดระยะเกือบครึ่งกิโลที่ผ่านมาเขาแทบจะนับจำนวนผู้คนที่เดินสวนกับเขาได้เกือบทั้งหมด ตลาดสดที่มีร้านค้าเปิดขายเพียงไม่กี่ร้าน บ้านเรือนที่ปิดสนิทราวกับไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ กลิ่นของความหวาดกลัวครุกกรุ่นอยู่เหนือหมู่บ้านที่เคยสงบสุขแห่งนี้ เขาคงคิดว่าหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปแล้วจริง ๆ ถ้าโสตประสาทของเขาไม่รับรู้ถึงเสียงอึกทึกครึกโครมของผู้คนที่ดังออกมาจากร้านขายอาหารเก่าแก่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงมุมถนน

       

      ไม่ว่าอย่างไรรสชาติของอาหารร้านนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของผู้ที่เคยลิ้มลองและต้องการที่จะลิ้มลองมันอยู่เสมอ ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ….

       

      ที่อยากจะสัมผัสและลองลิ้มรสอาหารจานนั้นให้อิ่มหนำสำราญดูซักครั้ง

       

       

       

      ท่อนขาเรียวยาวสาวไปด้านหน้าอย่างไม่รั้งรอ เดินตรงไปยังบานประตูที่เก็บกักความวุ่นวายของผู้คนไว้ด้านใน ผลักมันเข้าไปอย่างเบามือพลันมองเห็นร่างเตี้ยเล็กของหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างคุ้นเคย

      สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ไม่ทราบวันว่าวันนี้ …. ”

      ขอโทษนะครับ พอดีวันนี้ผมมาตามหาคน

      หาคน ? ใครเหรอคะ

       

      เทน เขาอยู่หรือเปล่าครับ

       

       

       

       

       

      ก๊อก  ก๊อก ก๊อก

       

      น้องเทนคะ พี่เข้าไปได้ไหมคะ

      พี่รอทส์มีอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่สำคัญมาก ผมขอพักผ่อนเงียบๆได้ไหมครับ

      โธ่ น้องเทนคะ นี่เราไม่ได้เห็นหน้ากันเกือบอาทิตย์เต็มๆแล้วนะคะ

      หญิงสาวร่ำร้องออกมาอย่างน่าเวทนา สงสารเจ้านายน้อยของตัวเองจับใจแต่เธอคงทำได้แค่ลืมเลือนและพยายามไม่เอ่ยชื่อเด็กหนุ่มผู้ที่หายตัวไปในยามค่ำคืนนั้นออกมาเท่านั้น แต่ถ้าสวรรค์มีจริง เพียงไม่นานความทุกข์ตรมนี้อาจจะถูกพังทลายลงด้วยการมาเยือนของใครบางคน

       

      เธอเชื่อมั่น และ ภาวนาว่าขอให้มันเป็นเช่นนั้น

       

      ผมขอเวลาอีกซักพักนะครับพี่รอทส์

      แต่มีคนมารอพบน้องเทนอยู่ข้างล่างนะคะ

      ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์พบเจอกับใครหรอกนะครับ

      แต่ถ้าเขาคนนั้นรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการหายตัวไปเกี่ยวกับคุณยูทา …. อ๊ะ !! น้องเทน อย่าวิ่งลงบันไดอย่างนั้นสิคะ !! ”

      หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจพลางมองตามร่างของเด็กหนุ่มที่วิ่งสวนเธอออกมา ฝีเท้าเล็กรีบวิ่งตามนายน้อยของตนเองลงไปพร้อมกับความหวังเล็ก ๆ ที่ถูกจุดประกายขึ้นมาภายในจิตใจ

       

       

       

       

      พี่รอทส์ เขาอยู่ไหนครับ

      ตรงนั้นไงคะ ผู้ชายที่ใส่ฮู๊ดสีดำที่นั่งอยู่ตรงนั้น

      มองตามนิ้วป้อมเล็กที่ชี้ไปยังชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่ด้านในสุดของร้าน ดวงตากลมโตที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังกลับถูกแทนที่ด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อมองเห็นใบหน้านั้นได้อย่างชัดเจน

       

      เพล้งง !!

       

      ไอ้คนสารเลว นายยังมีหน้าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีกเหรอ !”

      มือเรียวกวาดจานชามที่วางอยู่บนโต๊ะทิ้งลงพื้นด้วยความเกรี้ยวกราด ใบหน้าขาวสวยซีดเซียวลงไปมาก หากแต่ความงดงามยังคงไม่จางหายไปไหน

       

      อ่าาา  ตอนนี้เขากำลังโดนโกรธอยู่นี่หน่า ยังคิดเรื่องอื่นไม่ได้สินะ ….

       

      จอห์นนี่ นายนี่มันใจร้อนจริงเชียว

       

      ทำไมผมต้องไม่กล้ามาให้คุณเห็นหน้าด้วยหล่ะ ผมทำอะไรผิดงั้นเหรอ ?”

      เรียวขายาวหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับใบหน้าหล่อคมที่เผยรอยยิ้มใสซื่อออกมา มองเห็นดวงตาเฉียงเล็กที่หลุบต่ำลงเล็กน้อยอย่างคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

       

      เรื่องที่หมอนี่ทำผิดงั้นเหรอ …. ?

      ให้ตายเหอะ มันมีซักที่ไหนเล่า 

       

      ว่ายังไง ? ”

      กะ ก็เรื่องที่นายชี้เป้าว่าพี่ยูทาเป็นเจ้าสาวบ้าบอนั่นไง เพราะนายพี่ยูทาถึงหายไป

      แต่คุณอย่าลืมสิ ว่านั่นเป็นเพียงแค่การคาดเดา และผมไม่ได้เป็นคนลักพาตัวเขาไปนะ

      เดินตรงเข้าไปร่างเล็กที่ถอยหนีเขาไปด้านหลังโดยอัตโนมัติ  ดวงตาเฉียงเล็กเงยขึ้นสบใบหน้าหล่อเหลาอย่างหวาดระแวง ริมฝีปากสีเชอรี่เผลอขบกัดเข้ากันเบาๆด้วยความเคยชิน มองตามมือหยาบที่ล้วงเข้าไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อฮู้ดตัวโต

       

      ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กลวดลายคุ้นตาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา ....

       ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ที่เป็นของพี่ยูทา ...

       

       

      คืนนี้เวลาชั่วยามผมจะรอคุณใต้ต้นโอ้กต้นที่ 3 ก่อนถึงทางออกหมู่บ้าน ผมจะบอกทุกอย่างที่คุณต้องการจะรู้  

      “…………”

      คุณ แค่คนเดียว ....

       

       

       

       

       

       

       

       

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก

       

      น้องเทนคะ หลับหรือยังคะ คุณนายให้พี่เอาเครื่องดื่มร้อนๆนมมาให้ทานค่ะ

      “………….”

      น้องเทนหลับแล้วเหรอคะ

      ..................

      อ่าา คงหลับเล้วสินะ

       

       

               พลันเสียงพ่นลมหายใจรวมถึงฝีเท้าเล็กๆที่เดินออกไปจางลง ดวงตาเฉียงเล็กภายใต้ผ้าห่มหนาก็เบิกโผลงขึ้นมาราวกลับกำลังนอนรอเวลานี้อยู่อย่างใจจดใจจ่อ ฝ่าเท้าขาวนวลเหยียบลงบนพื้นพรมนุ่มนิ่มอย่างระแวดระวัง เอื้อมมือไปหยิบเสื้อโค้ชสีกรมตัวหนามาสวมใส่เพื่อปกป้องความหนาวเย็นจากอากาศด้านนอก มือบานผลักบานหน้าต่างออกไปด้านนอกอย่างช้าๆ พลันสายตาเงยสบกับดวงจันทร์สีสุกที่กลมโตอย่างเต็มที่ หัวใจดวงเล็กพลันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

       

       

      เทน ทุกวันที่เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงลูกห้ามออกไปเล่นที่ไหนที่ไกลหูไกลตาจากแม่นะลูก

          

         ทำไมหล่ะครับแม่  งั้นเพื่อนๆของผมก็รอผมแย่หน่ะสิ ไม่เอาหรอก ผมอยากไปเล่นกับเพื่อน เล่นทุกวันเลย

       

      ไม่ได้นะเทน ลูกต้องเชื่อแม่นะ

          

           ทำไมเหรอครับแม่ แค่เทนเป็นคนปรกติเหรอ แค่เทนไม่เหมือนพวกเขาใช่ไหม

       

      ไม่ใช่ลูก ลูกเหมือนพวกเขา แต่เพียงแค่สิ่งสิ่งนั้นมันซ่อนอยู่ในร่างกายของลูก เชื่อแม่นะเทน ถ้าถึงเวลาแม่จะบอกความจริงกับลูกเอง

       

       

       

      แม่ครับ

                   

      ผมขอโทษ

       

       

       

       

       

       

       

       

      นี่นาย ! ฉันมาถึงแล้วนะ นายอยู่ไหนกัน

      เสียงหวานร้องเรียกออกไปท่ามกลางความมืดมิดของป่าโอ้กที่เป็นจุดนัดพบของเขาและชายหนุ่มอีกคนในคืนนี้ ใบหน้าขาวสวยเริ่มบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับริมฝีปากบางเล็กที่ตั้งท่าจะเปิดอ้าขึ้นมาอีกครั้ง

       

      กึก    กึก   กึก

       

      นี่ นายใช่ไหม ?”

      จดจ้องดวงตาไปยังชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่นั่งตรงตำแหน่งคนขับรถ หมวกฮู้ดสีดำถูกเลิกขึ้นมาบดบังใบหน้าหล่อเสียจนอีกคนนึกไม่แน่ใจในตัวตน ยิ่งมองเห็นรถม้าโบราณที่ถูกควบคุมด้วยชายผู้นั้นยิ่งทำให้ร่างบางรู้สึกสับสนยิ่งขึ้นไปอีก

       

      เราสัญญาว่าจะมาพบกัน  แค่นั้นไม่ใช่เหรอ ?

       

      ขึ้นมาสิ

      ไม่เด็ดขาด ! ”                                   

      พลันเรียวขาสวยรู้สึกสั่นเทาขึ้นมาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำสั่งของชายหนุ่มผู้นั้น  ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกินในจิตใจ รู้สึกถึงความผิดพลาด หวาดระแวง และไม่อาจเชื่อมั่นในคนๆ นี้ได้อีกต่อไป

      อ๊ะ ! ปล่อยฉันนะ !! ”

      ลำตัวบางเล็กที่กะจะวิ่งออกไปกลับถูกคนตัวใหญ่กว่าดึงเข้ามากอดรัด ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขัดขืน ความแข็งแรงของคนตรงหน้ามันมากมายเสียจนสามารถบดกระดูกของเขาให้แหลกละเอียดเป็นผุยผง

      ดูท่าเจ้าจะรู้ตัวเร็วเกินไปหน่อยนะ

      เงยขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงเย้ยหยันที่ส่งออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หมวกผ้าที่ไหลลงกองอยู่บนลาดไหล่เผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมเหมือนกับคนที่เขาพบเจอเมื่อตอนช่วงกลางวัน

       

      แต่ความรู้สึกที่ส่งออกมามันกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

       

      นายต้องการอะไร ? ”

      พยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไป  หากแต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ไล้มองร่างกายของเขาอย่างหลงใหลไม่อาจจะทำให้ร่างบางนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

      นายอย่าคิดจะทำอะไรบ้า ๆ นะ

       

      พระเจ้า

       

      อะไรกัน ข้าแค่ต้องการมีความสุข

       

      ได้โปรด

       

      กับร่างกายอันหอมหวนนี้ก็เท่านั้น

       

      ผมขอ

       

      เจ้าพอจะช่วยข้าได้ไหม

       

      อย่าให้มันเกิดขึ้น

       

      คนงามของข้า

       

       

       

       

       

       

      อ๊ะ อ๊ะ พะ พอแล้ว มะ ไม่ไหวแล้ว

      เสียงหวานครางกระเส่าอย่างน่าเวทนาเมื่อร่างกายบอบบางนี้ต้องทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกที่รุนแรงของร่างที่กำลังลุ่มหลงมัวเมาอยู่ทางด้านหลัง เล็บสวยจิกข่วนลงบนเปลือกไม้โอ้กต้นใหญ่ที่ตนโอบล้อมอยู่ หยดน้ำตาแห่งความอัปยศร่วงรินลงมาซ้ำแล้วซ้ำราวกับย้ำเตือนว่าสติของเขามันยังไม่ถูกทำลายจนดับมอดไป เบี่ยงตัวหนีใบหน้าหล่อคมที่ก้มลงมาซุกไซร้อยู่บนแผ่นหลังที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อของตน  ริมฝีปากแดงช้ำขบกัดเข้ากันแน่นเพื่อที่มันจะไม่เผลอส่งเสียงอันน่าอับอายออกไปยามที่ชายหนุ่มอีกคนเผลอกระแทกโดนจุดที่เขาเองไม่สามารถควบคุมมันได้ เปลือกตาสีแดงก่ำปิดลงเข้าหากันแน่นเมื่อรู้สึกว่าแรงส่งจากด้านหลังมันเร้าร้อนและรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ ขาเล็กสั่นเทาจนแทบจะพยุงตัวไม่อยู่ ในจิตใจภาวนาเพียงแค่พระเจ้าจะฟังคำขอสุดท้ายของเขา

       

      ได้โปรด แค่ซักครั้ง ....

      แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

       

       

       

      อึกกก อ๊าาาาา

      กระแสน้ำอุ่นร้อนที่ไหลทะลักเข้ามาภายในเรียกดวงตาแดงก่ำให้เบิกโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ ไม่มีหยดน้ำตาให้ร่วงรินลงมาอีกแล้ว ค่อย ๆ ปิดตาลงพร้อมกับก้ำกลืนความทุกข์ทรมานที่มันจะตามหลอกหลอนเขาไปจวบจนชีวิตจะจบลง

       

       

       

       

               เส้นแสงสีทองอร่ามที่สาดส่องเข้าผ่านบานหน้าต่างใหญ่ยักษ์สีดำทะมึน เรียกเปลือกตาบวมช้ำให้เปิดขึ้นมาพบกับความจริงอันแสนโหดร้ายอีกครั้ง อยากจะลืมเลือนหรือขอให้มันเป็นแค่ความฝันแต่ความเจ็บปวดยามขยับตัวรวมถึงสถานที่แปลกตาที่หายากยิ่งในเมืองมนุษย์ไม่อาจจะทำให้ร่างบางฝืนหลอกลวงตัวเองได้อีกต่อไป

       

      ตราบาปที่ประทับลงบนร่างกายเพียงชั่วคืน

      กลับตราตรึงความทุกข์ตรมให้คงอยู่ไปตลอดกาล

       

      มันคือผลบาปที่เขาต้องน้อมรับตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า

       

      แกร๊กก !!

       

      ร่างบางสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกลอนประตูที่ถูกปลดออกอย่างเบามือ ดวงตาเฉียงเล็กปิดลงทันที

       

      ช่างเป็นมนุษย์ที่เกียจคร้านอะไรเช่นนี้  

      รู้สึกถึงฟูกที่นอนที่ยวบลงตามแรงของผู้มาใหม่ อยากจะหลีกหนีใบหน้าออกจากมือหยาบที่กำลังไกล่เกลี่ยอยู่เส้นผมนุ่มสลวย หากแต่อดีตที่เคยผิดพลาดกลับย้ำเตือนให้เด็กหนุ่มผู้นี้มีสตินึกคิดมากยิ่งขึ้น

       

      แน่นอนที่ชายผู้นี้ไม่ใช่คน ตัวเขาในตอนนี้จึงไม่มีสิทธิคิดต่อรองใดๆ

       

      เขาต้องรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ เพื่อแม่ พนักงานในร้านอาหารเล็กๆ หมู่บ้านอันแสนสงบสุข

       

      และอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังหายใจอยู่ในร่างกายของเขา

       

       

       

           เมื่อ 18 ปีก่อนเมื่อเขาเริ่มชีวิต มีสิ่งหนึ่งประหลาดอย่างหนึ่งฝังแฝงอยู่ในร่างกายของเขา มันโหดร้าย น่าสะอิดสะเอียน  จนพาให้เขานึกอยากจบชีวิตลงเมื่อมารดาของเขาตัดสินใจบอกความลับบางสิ่งกับเขาอย่างที่นางเคยได้สัญญาไว้ในวันเกิดปีที่ผ่านมา

       

          เมื่อร่างกายอันบริสุทธ์ถูกทำให้แปดเปื้อนในคืนพระจันทร์เต็มดวง สายธารจากคนผู้นั้นหลั่งไหลถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายและจิตใจ

       

           จะก่อกำเนิดชีวิตใหม่ที่รักยิ่งเช่นชีวี

       

      นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถบังคับจิตใจให้นึกรังเกียจสิ่งที่ชีวิตมีชีวิตที่หายใจรวยระรินนอยู่ในร่างกายของเขาได้ และเป็นดั่งคำสาป

       

      ความรู้สึกของเขากับชายผู้นั้นก็เช่นกัน

       

       

      ที่ความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ทุกอย่างจะค่อยๆมลายหายไป เมื่อเด็กในท้องต้องการความอบอุ่นของผู้เป็นบิดาเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจให้เติบโตขึ้น

       

       

      เจ้าจะนอนอยู่แบบนี้ไปอีกนานเท่าไร ไม่นึกครั่นตัวบ้างหรือ

      แรงสะกิดที่ไม่มากไม่น้อยไม่มีผลกระทบใดๆ กลับคนที่แกล้งทำเป็นหลับอยู่แล้ว เพราะการที่เขาจะตื่นขึ้นมาหรือจะหลับต่อ มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเพียงเท่านั้น

       

      หากเจ้ายังไม่ตื่น ข้าจะไม่ใจดีกับเจ้าแล้วนะ

      หึ แค่เรื่องที่ผ่านมาคุณยังโหดร้ายกับผมไม่พออีกเหรอ

      สรรพนามที่เปลื่ยนไปกะทันหันไม่อาจจะทำให้ร่างสูงนิ่งเฉยได้ต่อไป จ้องมองไปยังใบหน้าขาวซีดที่กำลังทอดมองมาที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่ายิ่งทำให้เกิดอารมณ์โทสะที่มีพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

      ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ไม่เคยเลิกดื้อดึงกับข้า

      ผมไม่ได้ดื้อดึง

      แล้วเหตุใดเจ้าจึงมองมาที่ข้าด้วยสายตาเย็นชาเช่นนั้น

      คุณจะให้ผมมองคุณด้วยสายตาชื่นชมหรืออย่างไร คุณมันเป็นปีศาจจะมายุ่งกับมนุษย์อย่างผมทำไม

      นี่เจ้า !!! ”

      กระชากเรียวแขนเล็กขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด จ้องมองดวงตาเฉียงเล็กที่เริ่มมีหยดน้ำตาคลอเอ่ออย่างไม่คิดจะสนใจมัน

       

      แค่ทำให้มนุษย์ผู้นี้เป็นของเขา มันยังไม่พอที่จะให้ความดื้อด้านมันหายไปจากจิตใจคนๆ นี้อีกงั้นเหรอ

       

      เขาต้องทำเช่นไร ....

       

      อย่างไรที่ร่างกายและจิตใจของคนผู้นี้จะเป็นของเขาเสียที !

       

      รีบอาบน้ำแต่งตัว ข้าจะรอเจ้าที่โต๊ะอาหาร อย่าให้ช้านักหล่ะ ข้าไม่ชอบการรอคอยอะไรนานๆ

      ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นสุดตัวจะสะบัดผ้าคลุมสีดำทะมึนเดินหายไปทางประตู  ร่างเล็กหอบหายใจหนักๆจากการใช้แรงไปไม่น้อยในการโต้วาทะกับภูตผีตนนั้น นัยน์ตาแดงช้ำหลับพริ้มลงอีกครั้งพลันนึกถึงชายหนุ่มขับรถม้าที่เค้าได้พบเจอเพียง 2 ครั้ง

       

      จากที่เคยนึกรังเกียจและคิดว่าคนผู้นั้นเป็นคนที่ไม่เข้าใกล้

      แต่ในตอนนี้เขากลับคิดถึงชายหนุ่มผู้นั้นแทบขาดใจ

       

      กลับได้ไหม กลับเป็นคนผู้นั้น

      แทนที่ปีศาจร้ายตนนี้ ....

       

       

       

       

           

       

      เหตุใดเจ้าถึงลงมาช้าเช่นนี้ คำพูดของข้าไม่มีความหมายสำหรับเจ้าเลยงั้นเหรอ

      เงยหน้าขึ้นมองคำพูดเสียดแทงที่ส่งออกมาจากอมนุษย์ผู้สง่างามที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เป็นเพราะบรรยากาศ รวมถึงกลิ่นอายของปีศาจที่ตลบอบอวลอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตแห่งนี้ไม่อาจจะทำให้มนุษย์อย่างเขารู้สึกคุ้นชินกับมันได้ในเวลาที่รวดเร็ว ยิ่งมองเห็นอาหารจานโตที่มีหน้าตาแปลกประหลาดพาลทำให้สิ่งชีวิตในร่างกายของเขาต่อต้านเป็นการใหญ่

       

      ให้ตายเหอะ เขาเป็นห่วงลูกน้อยของเขาเหลือเกิน

       

      ทำไมถึงทำหน้าตาเช่นนั้น มีอะไรที่ข้าทำให้แล้วเจ้าไม่พอใจอีกงั้นเหรอ

      ผะ ผมเปล่า

      ร่างบางตอบเสียงเบา พลางนึกฝืนตัวเองให้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้เขารู้อิดสะเอียนเหล่านั้นอย่างไม่คิดจะแสดงท่าทีใดๆ ออกมา

       

      สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขามันต้องเป็นความลับ

      เด็กน้อยต้องปลอดภัย และมีชีวิตออกจากที่แห่งนี้ไปพร้อมกับเขา

       

      แล้วเหตุใด .. เทน !!! ”

      ชิ้นเนื้อสีม่วงช้ำร่วงลงจากส้อมพร้อมกับร่างบางเล็กที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ  เคลื่อนตัวไปประคองใบหน้าขาวซีดขึ้นมาอย่างเบามือพลางจ้องมองดวงตาปรอยปรือนั่นด้วยความเป็นห่วงที่มีมากล้นเสียจนใกล้ปะทุออกมาจากอก

      เจ้าเป็นเช่นไร

       

      ทำไมมันถึงอบอุ่นเหลือเกิน

       

      มองมาที่ข้าสิ

       

      ลูกน้อย เจ้าชอบมันมากเลยหรือ

       

      เทน พูดกับข้า                      

       

      แค่เจ้าชอบมัน แม่ก็ดีใจแล้ว

       

       

       

       

       

       

       

       

      เทน เจ้าฟื้นแล้วหรือ ...

      คะ คุณ ! ผะ ผมไม่ได้เป็นอะไร

      ร่างบางพลันสะดุ้งขึ้นมาสุดตัวเมื่อมองเห็นใบหน้าใครบางคนที่กำลังจ้องมองมายังเขาด้วยอย่างห่วงหา เมื่อสติที่เคยลาลับค่อยๆฟื้นคืนมา มือบางจึงเลื่อนลงไปจับหน้าท้องที่เริ่มโป่งนูนขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความตกใจ

       

      หวังว่าความลับนั้น คงไม่ ...

       

      เจ้าเป็นเช่น ปวดท้องงั้นหรือ

      ปะ เปล่า ผมไม่ได้เป็นไร

      ลอบมองใบหน้าหล่อคมที่ก้มลงไปหยิบถ้วยชาที่ข้างในบรรจุของเหลวสีดำขึ้นมายื่นให้เขาด้วยความวิตกกังวล

       

      ยานี่มันคืออะไร หวังว่ามันคงไม่ใช่ ...

       

      เจ้านอนแน่นิ่งไปสามวันสามคืน คงสูญเสียพลังความนึกคิดไปมาก กินนี้ซะ มันจะทำให้เจ้าปลอดโปร่งมากขึ้น

      ผะ ผมไม่กิน

      ร่างบางบอกปัดพลางหลบหลีกสายตาแหลมคมที่จ้องมองมาที่ตน ได้ยินเสียงแก้วชาที่กระทบลงบนโต๊ะ ใบหน้าสวยรีบหันไปมองเจ้าของการกระทำนั้นทันที

      ข้าจะไม่ทำอะไรที่ฝืนจิตใจเจ้าต่อไป ตั้งแต่นี้ขอให้เจ้าบอกในสิ่งไม่ชอบ และร้องขอในสิ่งที่ต้องการ ข้าทนไม่ได้ที่จะเห็นเจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้อีกครั้ง

      เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าเขาสามารถสัมผัสถึงความทุกข์ตรมที่ฝังแฝงอยู่ในน้ำเสียงและท่าทางเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน พลันภายในจิตใจได้ยินเสียงลูกน้อยกระซิบกระซาบในสิ่งที่ตนต้องการให้เขาได้รับรู้ ดวงตาเรียวสวยหลุบต่ำลงเล็กน้อย พร้อมกับมือบางที่เอื้อมขึ้นไปคว้าท่อนแขนใหญ่หนาของคนที่กำลังเดินจากไปเบาๆ

       

      จุมพิตผม

       

      ลูกน้อย เหตุใดเจ้าถึงให้แม่ต้องร้องขอเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ด้วย

       

      เจ้าว่าเช่นไรนะ ?”

       

      เร็ว เร็วเข้าสิ

       

      ความอบอุ่นที่เจ้าต้องการ มันสร้างความลำบากให้แม่เกินไปแล้ว !

       

       

       

       

      พะ พอก่อน แค่นั้นคุณก็สบายตัวแล้วไม่ใช่หรือ

      มือบางรีบไขว่คว้าฝ่ามือหยาบหนาที่ไล่ลูบวนอยู่บนสะโพกนุ่มมือของตนราวกับกำลังสัญญาณอะไรบางอย่าง

       

      แต่ตอนนี้มันคงไม่ได้แล้ว ...

      ถึงท้องของเขามันไม่ได้โป่งนูนขึ้นมาชัดเจนจนผู้คนสังเกตเห็น แต่นี่มันก็เกือบ 5 เดือน

       

      ถ้าเผลอเขายอมตามใจปีศาจร้ายตนนี้อีกครั้ง ลูกน้อยคงเขาคงต้องแย่แน่ๆ

       

      แต่เจ้ายัง ...

      ผมไม่เป็นไร ผมอยากพักผ่อนมากกว่า

      เลื่อนใบหน้าขึ้นมาจากกึ่งกลางลำตัวของร่างสูงพร้อมกับกับใบหน้าแดงฉาดที่ฉายแววเหนื่อยล้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันมองดูงดงามและน่าลุ่มหลงเสียจนเขาต้องรีบผละตัวออกมาสภาวะที่ล่อแหลมเช่นนี้

       

      เขาไม่คิดถึงติดใจหรือแค้นเคืองเมื่อได้ยินคำปฏิเสธ

      เพราะสิ่งที่เขาได้รับตอนนี้ มันมากกว่าที่เขาเคยต้องการเป็นไหนๆ

       

       

       

      คุณจะไปไหนเหรอ

      เอ่ยรั้งร่างสูงใหญ่ที่พลันลุกขึ้นยืนเมื่อเขาเลื่อนตัวขึ้นมาหวังซึมซับความอบอุ่นร่างกายร้อนลวกนั่น  มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ทอดมองมายังเขาอย่างหลงใหล พลันทำให้ใบหน้างดงามแดงซ่านขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

      หรือเจ้าไม่อยากให้ข้าไป

      หากคุณมีธุระก็รีบไปทำเถอะ ผมไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น

      พลิกตัวหันหลังบางๆให้คนผู้นี้เชยชมอีกซักหน่อย ก่อนที่เสียงปิดงับประตูจะดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับดวงตาสุกใสที่หลับพริ้มลงอีกครั้ง

       

       

       

       

      นี่เขาหลับไปนานเท่าไรแล้ว .....

       

      ดวงตาเฉียงเล็กปรอยปรือขึ้นมาช้าๆ พลางมองไปยังบานหน้าต่างที่บัดนี้ด้านนอกถูกฉาบวาดไปด้วยสีดำมืดของยามรัตติกาล หย่อนเท้าบางเล็กลงแตะพื้นพรมช้าๆก่อนจะเดินออกไปตามหาความอบอุ่นที่ป่านนี้คงนั่งรอเขาอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างที่ผ่านมา  สาวเท้าออกจากห้องไปช้าๆ ก่อนที่ดวงตาจะมองเห็นบางประตูบานหนึ่งที่ถูกแง้มออกเล็กน้อย เด็กหนุ่มไม่สามารถสะกดกลั้นความยากรู้อยากเห็นของตนได้เลยแม้แต่น้อย เรียวเท้าสวยสาวเข้าไปใกล้แสงสว่างที่ส่องลอดอกมาจากห้อง ห้องนั้นช้า ๆ ภาพแผ่นหลังที่เคยคุ้นเคยที่วางอยู่เบื้องหน้าทำให้ร่างบางแทบจะพุ่งตัวเข้าไปเดี๋ยวนั้น ถ้าสายตาไม่สะดุดกับร่างสูงใหญ่แปลกตาร่างหนึ่งที่....

       

      เชยใบหน้าขาวซีดนั่นขึ้นมาบรรจงจูบอย่างแผ่วเบา มองเห็นดวงตาแดงฉาด  จมูกแหลมเล็ก รวมถึงริมฝีปากสีดำเข้มอย่างชัดเจนเมื่อคนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมารองรับจุมพิตจากใครอีกคนด้วยความยินดี

       

      จากที่เคยคิดว่าใช่ แต่ในนี้ใบหน้านั้นกลับไม่ละม้ายคลึงกับคนที่เขาเคยรู้จักแม้แต่น้อย

      หรือว่าในเวลานี้ ....

       

      พี่ยูทากลายเป็นปีศาจไปแล้วงั้นหรือ !!!

       

       

       

       

       

      แกร๊ก ….

       

      เหตุใดเจ้าถึงไม่ลงไปรับประทานอาหารค่ำกับข้า

      น้ำเสียงที่ส่งทอดออกมาไร้ซี่งคำติฉินใดๆ ร่างกายสูงใหญ่เคลื่อนตัวเข้าใกล้เด็กหนุ่มที่นั่งตัวนิ่งตรงบนอยู่บนตั่งเตียงกว้างใหญ่ด้วยสีหน้าที่เต็มตื้นไปด้วยความห่วงใย

      คุณเคยบอกว่าให้ผมร้องขอในสิ่งตนเองต้องการ มันหมายความว่าคุณจะยอมทำตามมันด้วยหรือไม่

      แน่สิ เจ้ามีอะไรจะขอร้องข้างั้นหรือ

      จ้องมองใบหน้านวลใสที่ตอนนี้เซื่องซึมลงเล็กน้อยอย่างแปลกตา มองตามเรียวมือเล็กที่เอื้อมขึ้นไล้โครงหน้าคมสันของเขาอย่างแผ่วเบา

      ผมคิดถึงบ้าน ผมอยากกลับไปหาแม่อีกซักครั้ง 

      เสียงหวานเอ่ยออกไปพร้อมกับเสียงร่ำร้องของอีกหนึ่งชีวิตภายใน  แม่ไม่ได้อยากทำร้ายเจ้า เพราะแม่เองก็เจ็บปวดกับมันไม่แพ้กัน

       

      แต่จะให้ทำเช่นไร ….

       

      ให้เจ้าลูกน้อยกลายเป็นปีศาจน่าเวทนาอย่างนั้น  ลำพังตัวเขาเองก็ไม่คิดเกรงกลัวกับอะไรบนโลกนี้อีกแล้ว

       

      แต่กับสิ่งที่รักยิ่งชีวิต  เขาคงยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้

       

       

      เหตุใด ...

      นี่มันก็เกือบครึ่งปีแล้วที่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมเพียงแค่อยากกลับไปบอกว่าพวกเขาว่าผมยังมีชีวิตอยู่แค่นั้น

       

      ไม่หรอกถ้ามีโอกาส ผมคงไม่ย้อนกลับมาที่นี่

       

      ได้ไหม แค่เพียงไม่กี่วัน

       

      ผมคงต้องหาทางหนี และปิดกั้นทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เราพบเจอกันอีก

       

      แล้วผมจะกลับมา

       

      ลาก่อน จอห์นนี่ ....

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ทั้งๆที่เวลานี้เจ้าไม่สามารถไปเยือนเมืองมนุษย์ได้อีก เจ้ากลับปล่อยเขาไป

      ละสายตาออกจากรถม้าคันเล็กที่กำลังเคลื่อนออกจากตัวคฤหาสน์ผ่านบานหน้าต่างสีดำทมึน ก่อนจะหันไปจ้องมองร่างสูงสง่าของใครบางคนที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง

      เหตุใดข้าจึงต้องฉุดรั้งเขาเอาไว้

      เจ้าแน่ใจอย่างไรว่าเขาจะกลับมา

      ข้าไม่เคยแน่ใจว่าเขาจะกลับมา

      เป็นอีกครั้งที่เขานึกไม่เข้าใจความคิดของจอห์นนี่ มองตามร่างสูงใหญ่ที่ทอดตัวลงบนเก้าอี้หนังสัตว์ที่น้ำตาลเข้ม ถึงท่าทางแบบนั้นมันจะมองดูผ่อนคลายเพียงใด แต่ความตรึงเครียดที่ส่งผ่านออกมาจากใบหน้าเรียบเฉยนั้นไม่อาจจะทำให้ฮันโซลนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

      เจ้าคนจองหอง ไม่นานเจ้าจะได้รู้ว่ารสชาติของการจากลาอันแสนยาวนานมันทุกข์ทรมานเพียงใด

      ท่าจะสาปแช่งข้าเพื่อเหตุใด ในเมื่อถ้าเขาไม่กลับมาอย่างไรข้าก็ต้องออกไปตามหาเขา

      “………………”

      เวลาเพียงแค่ 1 ปี มันไม่ได้ยาวนานเกินไปถ้าเทียบกับการที่ข้าจะได้รู้ว่าถ้าไม่มีตัวข้าแล้ว ...

      .......................

       เขาจะคำนึงถึงข้าเพียงใด ....  

       

       

       

       

       

       

      1 ปีผ่านไป .......

       

      แม่ครับ เจสันหายไปไหน อ๊ะ ! พี่รอทส์เห็นเจสันไหมครับ

      ร่างเล็กเดินตะโกนถามหาเจ้าลูกน้อยไปทั่ว เมื่อเขาหมดเวลาเกือบทั้งวันไปกับการจัดการเคลียร์บัญชีกองโตในห้องเล็กๆ บนชั้นสองของร้าน นึกถึงหน้าเจ้าเด็กดื้อคนนั้นก็อยากจะตัวมาตีให้หายซน ถึงจะบอกไปแล้วว่าให้รอเขาเคลียร์บัญชีให้เสร็จแล้วจะพาออกไปซื้อของกัน แต่เจ้าตัวเล็กก็พาร่างที่ใหญ่โตกว่าเด็กหนึ่งขวบเล็กวิ่งหนีเขาไปซะอย่างนั้น

       

      นิสัยดื้อรั้นเหมือนเขาไม่มีผิด !

       

      พี่เห็นวิ่งไปทางหน้าร้านค่ะน้องเทน  คงไปเล่นกับเพื่อนๆ แกมั้งคะ

      หญิงสาวแย้มยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อมองเห็นใบหน้างดงามของเด็กหนุ่มที่เริ่มบึ้งตึงขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนจะเป็นกิจวัติประจำวันไปแล้วกับการที่เห็นนายของตัวเองวิ่งไล่จับเด็กน้อยน่าตาน่ารักที่ชอบวิ่งซนไปเรื่อย

       

      มันเป็นภาพที่งดงามและทอให้เห็นสายใยของครอบครัวได้อย่างชัดเจน

      ถึงแม้ว่าจนถึงตอนนี้

      ยังไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นบิดาของเด็กน้อยคนนั้นก็ตาม

       

      เจ้าเด็กดื้อนั้นเห็นเพื่อนเล่นสำคัญกว่าผมหรือยังไงนะ

      คิคิ ก็คุณหนูน่าตาน่ารักจิ้มลิ้มขนาดนั้น ก็ต้องมีเพื่อนเยอะเป็นธรรมดาสิคะ

       

      น่ารักจิ้มลิ้มงั้นเหรอ ?

      เจสันหน้าเหมือนคนคนนั้นอย่างกับแกะ จะน่ารักจิ้มลิ้มได้อย่างไร

       

      อ่าาาา  อย่าสิเทน วันนี้ก็เอาแต่นึกถึงอะไรที่มันไม่ควรนึกถึงอีกแล้วนะ

       

       

      ผมออกไปดูเจสันก่อนนะครับพี่รอทส์  ฝากร้านด้วยนะครับ

      เท้าเล็กสาวออกไปด้านหน้าเร็วๆพลางสลัดความนึกคิดอันไร้สาระออกจากหัวสมอง  สนใจทำไมกับที่ตลอดหนึ่งปีไม่เคยคิดจะโผล่หน้ามาให้เห็น ....

       

      ไม่สิ เขาต้องดีใจต่างหากที่คนเจ้านั่นทำแบบนั้น

       

      คนที่กำลังหนี จะต้องการให้ตัวเองโดนไล่ตามทำไมหล่ะ จริงไหม ?

       

       

       

      เด็กน้อย ให้พี่ชายเข้าไปไม่ได้เหรอ

      ไม่เอา หม่ามี๊ทำงานเหนื่อยแล้ว ถ้าพี่ชายเข้าไปหม่ามี๊ต้องเหนื่อยกว่าเดิมหน่ะสิ

      ที่นี่เป็นร้านอาหารไม่ใช่เหรอ ถ้าม่ามี๊ไม่เหนื่อย ม่ามี๊ก็ไม่ได้เงินสิ

      เจสันไม่อยากได้เงิน เจสันอยากอยู่กับมามี๊ พี่ชายไปนะ

       

      บทสนทนาของเด็กน้อยกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำเอาร่างบางอยากจะล้มพับลงไปแล้วไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย

       

      เจสันไล่ลูกค้าอีกแล้ว  เจ้าเด็กนี่กำลังจะทำให้อดตายจริงๆใช่ไหม

       

      ถึงแม้ว่าในใจเขากลับรู้สึกตื้นตันกับคำพูดเล็กน้อยนั่น จนอยากร้องไห้ออกมาก็เหอะ

       

      เจสัน เข้ามาในบ้านกับม่ามี๊เร็ว ขอโทษนะครับพอดี .....

      อ๊ะ ! พี่ชาย อย่ามองม่ามี๊ของผมอย่างนั้นนะ

      ม่ามี๊ ? ….

      ...............

      หมายความอย่างไร เทน ....

      มันไม่มีอะไรทั้งนั้น คุณกลับไปเถอะ

      รั้งมือบางของคนที่กำลังจะเดินจากไปพร้อมกับจ้องมองเด็กชายตัวน้อยที่พอมองดูชัด ๆ กลับมีหน้าตาละม้ายคลึงกับเขาราวกับแกะ

      เขาเป็นลูกข้าใช่ไหม

      ไม่ใช่ ! เขาไม่ใช่ลูกของคุณ ปล่อยผมนะ

      แขนเรียวออกแรงสะบัดพร้อมกับริมฝีปากบางเล็กที่แผดเสียงร้องออกมาจนผู้คนภายในร้านพากันหันมอง แต่มีหรือที่เขาจะสนใจ ...

       

      วงแขนหนาตะหวัดลงไปโอบอุ้มร่างน้อยของเด็กชายขึ้นมา พร้อมกับลำตัวสูงใหญ่ที่ตั้งท่าจะเดินออกไปจากตรงนั้น  ร่างบางมองภาพตรงหน้าด้วยความแค้นเคืองจนอยากจะร้องไห้ออกมา

      เจสันไปกับพี่ชายไหม

      อ่าาา ตัวพี่ชายอุ่นจัง เจสันอยากไปกับพี่ชาย เราไปเล่นด้วยกันนะ ....

      .

      .

      .

      แล้วเจ้าหล่ะ จะไปกับข้าไหม ?”

       

       

       

       

       

      เมื่อไรคุณจะเลิกใช้นิสัยสกปรกๆ แบบนี้ บังคับขืนใจคนอื่นซักที

      ร่างบางพร่ำบ่นออกมาอย่างแค้นเคืองพลางจ้องมองลูกน้อยที่กำลังวิ่งเล่นกับเพื่อนๆอยู่ในสวนเล็กๆของหมู่บ้าน  ความรู้สึกผิดเริ่มตีแทรกเข้ามาภายในจิตใจ

       

      ภาพเมื่อซักครู่ทำไมให้เขาหวนนึกไปถึงตอนที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับคนผู้นี้ …..

      เด็กน้อยที่วันๆต้องการแต่ความอบอุ่นของพ่อ จนทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าไปหลายครา

       

      มันน่าตลก และมีความสุขเสียจริง ....

       

       

      เหมือนข้าไม่มีผิด .....

      ไม่เหมือนซักนิด คุณคิดไปเอง เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของคุณ

      ร่างบางโต้เถียงทันควัน พลางจ้องมองใบหน้าเรียบเฉยของร่างสูงด้วยแววตาที่ฝังแฝงไปด้วยความกังวล

       

      ถ้าอยากทำลาย เพียงแค่เขาคลอดเด็กชายออกมา มันก็ไม่ได้แปลว่าจะเปลื่ยนแปลงความคิดของปีศาจร้ายตนนี้ได้

       

      พระเจ้า แค่ซักครั้ง ....

       

      ข้าได้กลิ่นปีศาจเจือจางออกมาจากตัวเขา เขาคือลูกของเราใช่ไหม

       

      ให้ตาย .....

       

      คุณห้ามทำอะไรเขาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผมไม่มีทางยกโทษให้คุณแน่

      ร่างบางร้องออกมาอย่างจนตรอก ความลับถูกเปิดเผยแล้ว ความเป็นจริง มันคือสิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง

      นานเท่าใด

      คืนแรกที่ผมเป็นของคุณ...

      จิตใจเจ้าช่างโหดร้ายยิ่งนัก เจ้าพาตัวเองหนีหายไปพร้อมกับลูกของข้าอย่างนั้นหรือ 

      ผมไม่รู่ว่าคุณจะทำยังไงกับเขาถ้าเขาเกิดมา และผมก็ไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนกับคุณ

      หยดน้ำตาเม็ดเล็กพรั่งพรูลงมาราวกับคนที่กำลังจะสูญเสียความเป็นตัวเอง หวาดกลัว วิตกกังวล ทุกสิ่งอย่างกลับสลายหายไปเพียงรับรู้ถึงวงแขนใหญ่หนาที่ตวัดลำตัวของเขาเข้าไปกอดกกอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นที่เคยจางหายไปเนิ่นนาน ในตอนนี้เขาได้รับมันอีกครั้ง

      ถึงข้าจะเป็นภูตผีร้ายที่โฉดชั่วเพียงใด ข้าไม่อาจทำร้ายดวงใจของตัวเองได้ลง

      “…………..”

      ขอบคุณ ....

      “……………”                            

      สำหรับของขวัญอันเเสนวิเศษของพวกเรา เทน ...

       

       

       

       

       

       

       

      ปาป๊า ไม่ไป เจสันไม่ให้ไป

      ไล่เกลี่ยหยดน้ำตาสีใสที่ไหลลงเปื้อนแก้มอวบอูมของเด็กน้อยในอ้อมอกเบาๆ อย่างรักใคร่ เพียงชั่วหายใจ เวลา 1 ปีที่เขาสามารถใช้ชีวิตในเมืองมนุษย์ได้ก็หมดลงอย่างน่าใจหาย จะรับได้อย่างไรถ้าเขาต้องจากสองชีวิตที่รักไปใช้ชีวิตในเมืองภูตผี 1 ปีเต็ม

       

      แต่กฎที่ถูกตั้งไว้ไม่ได้มีไว้ให้ฝ่าฝืน  ข่มใจ และรอคอยให้เวลานั้นสิ้นสุด ....

      มันคือสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้

       

       

      เจสันมาหาม่ามี๊ก่อนนะครับ

      ร่างบางรับเด็กน้อยมากอดกกไว้ พลางหลบหลีกสายตาห่วงหาที่ชายผู้นั้นส่งมาให้เขา จะทำให้เขาทรมานไปถึงเมื่อเมื่อไหร่

       

      รีบไป .....

       แล้วรีบกลับมาสิ เจ้างั่งเอ๊ย !!

       

      เทน ข้าไปแล้วนะ  เจสันเป็นเด็กดีนะครับ

      ปะ ป๋า .....

      ปะ ป๋าจะรีบกลับมานะ

      ยื่นมืออกไปลูบหัวเด็กน้อยที่เอาแต่กางแขนป้อมๆให้เขาอุ้มท่าเดียว  ริมฝีปากหยักหนาแย้มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะฉกหอมแก้มนุ่มของลูกรักฟอดใหญ่

      เป็นเด็กดีกันหล่ะ ลาก่อน  ....

      ร่างสูงโปร่งถอยไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะหันจากไป ใบหน้าหล่อเหลาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เมื่อโสตประสาทของเขารับรู้ถึงน้ำเสียงหวานเล็กของคนรักที่พร่ำพูดอะไรบางอย่างออกมาจากที่ ที่เขาพึ่งเดินจากมา

       

       

       

       

      ดูแลตัวเอง แล้วรีบกลับมานะ  

       

       

       

       




       

      END            

       

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×