[SF] White halloween :: JohnTen::
ผู้เข้าชมรวม
293
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Talk : ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องจาก Halloween bride ของคู่ HANTA นะคะ มีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวเนื่องเล็กน้อย ที่ไม่เปิดเป็นเรื่องยาวเพราะตอนเเรกกะจะเเต่งเป็นเเค่ช๊อตสั้นๆฮันตะคู่เดียว เเต่เมื่อวานนี้นึกครึ้มเปิดกลับมาอ่านเรื่องเก่าอะไรไม่รู้เลยจัดจอห์นเตนยาวเลย 555555 สอบถามเเละหาฟิคก่อนหน้านี้ในเเอค @chanikul_ เลยนะคะ ขอโทษในความไม่สะดวกด้วยค่าา >////<
ร่างสูงโปร่งภายใต้เครื่องกายสูงศักดิ์ขยับตัวเบี่ยงออกร่างอรชรของเด็กหนุ่มข้างกายก่อนจะวางฝ่าเท้าหยาบกร้านลงบนพื้นพรมหนังสัตว์อย่างไร้ซึ่งสุ่มสียงใดเล็ดลอดออกมา หันมองร่างเปลือยเปล่าที่เมื่อยามค่ำคืนได้ปรนเปรอรสรักอันแสนเอร็ดอร่อยอย่างที่ผู้ใดจะเทียมเทียบ
อ่าาา มันก็แน่ละสิ รสรักที่ถูกปรุงแต่งจากคนที่รัก มันต้องรสชาติดีและติดลิ้นกว่าอาหารว่างพวกนั้นอยู่แล้ว
“อะ อื้อออ”
“ยูทา พักผ่อนไปก่อนเถอะ ข้าจะออกไปดูข้างนอกซักหน่อย ทำไมวันนี้คฤหาสน์ข้ามันถึงเงียบเหงานักนะ”
ไล่เกลี่ยปรอยผมสีดำรัตติกาลออกจากหน้าผากมนของคนรักอย่างนุ่มนวล มองเห็นดวงตาสีแดงก่ำที่เปิดกว้างขึ้นมาก่อนจะค่อยๆปิดลงราวกับเชื่อฟังคำของเขาเป็นอย่างดี
ยูทามักเชื่อฟังและเห็นด้วยกับทุกสิ่งอย่างที่เขาเปิดปากออกไป ….
ไม่สิ สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตทุกตนในดินแดน มอนท์แมน ฮิลล์ แห่งนี้ต่างหาก
“คริสโซ่ จอห์นนี่อยู่อยู่ไหน ?”
เส้นคิ้วดำขลับย่นเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อกวาดมองไปรอบคฤหาสน์อายุหลายกัลป์แห่งนี้แล้วยังไม่พบชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เขาไว้วางใจและละทิ้งคำว่าข้ารับใช้กับชายผู้นี้
จอห์น ซอ เด็กหนุ่มลูกครึ่งมนุษย์ ปีศาจ ที่ท่านแม่จัดหามาเป็นของขวัญวันเกิดให้เขาเมื่อสามพันปีก่อน
ของขวัญที่กลายเป็นเพื่อนสนิทคนแรกเละคนเดียวของเขา
“ท่านจอห์นนี่ …..”
“ว่าอย่างไร เจ้านั่นทำในสิ่งที่ข้าไม่ควรรู้ได้ด้วยงั้นหรือ ”
ดวงตาดุดันฉายแววเกรี้ยวกราดพลางจ้องมองไปยังใบหน้าซีดเผือกของชายชราตรงหน้า เขาไม่อยากลุกขึ้นมาจากตั่งเตียงอันหอมหวานเพื่อมาเจอเรื่องไร้สาระเช่นนี้
น่ารำคาญเสียจริง
“ทะ ท่านจอห์นนี่ ออกเดินทางไปยัง ฮูมม์แลนด์ ได้สองชั่วยามแล้ว ขอรับ”
ชายชราส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากด้วยความคิดที่ไม่อยากเป็นผู้ชี้เป้าให้ราชาตนนี้ลงโทษเด็กหนุ่มผู้แสนดื้อรั้นที่ตัวเขาเองเป็นผู้ฟูมฟักมาตั้งแต่เล็ก ในใจพลางนึกโทษตัวเองที่ไม่ฉุดรั้งความคิดโง่ๆนั่นให้จริงจังมากกว่านี้
จอห์นนี่เป็นเด็กดี เขาไม่อยากให้เห็นบาดแผลในร่างกายสูงใหญ่นั่นเพียงเพราะความคิดโง่งมชั่ววูบ
“ฮ่า ฮ่า เจ้างั่งนั่น ใจร้อนจังเลยนะ”
เงยใบหน้าแห้งเหี่ยวตามกาลเวลาขึ้นมองผู้เป็นเจ้าชีวิตที่กำลังส่งเสียงหัวเราะด้วยความแปลกใจ มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ฝังแฝงไปด้วยความสนุกสนานยิ่งทำให้ชายชราอยากรู้ซึ้งถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมากยิ่งขึ้น
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ทำอะไรเด็กน้อยของเจ้าหรอก เจ้านั่นแค่กำลังใช้สิทธิ์ในรางวัลที่ข้าให้ไปก็เท่านั้น ”
“ ใช้สิทธิ์ ? ราชาหมายถึงสิทธิในหนึ่งปีที่ชาวเราสามารถเดินไปทางไปยังเมืองมนุษย์ได้หรือขอรับ”
“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว อ่อ แล้วอย่าลืมจัดห้องหับที่สะดวกสบายไว้เผื่อห้องหนึ่งหล่ะ”
“ทำไมหรือขอรับ”
“ ข้าแค่สันนิฐานว่าเด็กน้อยของเจ้าน่าจะขโมยชิ้นเนื้อราคาแพงกลับมาก้อนหนึ่งหน่ะ ”
“หยุดก่อน น้องชายเจ้าจะไปที่ใดหรือ”
ท่อนขาวลีบเล็กภายใต้กางเกงสีน้ำตาลอ่อนเดินเร็วๆไปยังรถม้าคันงามที่ถูกควบคุมด้วยชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เพียงไม่นานเด็กหนุ่มผู้นั้นก็กระโดดลงมาโค้งให้พวกเขาของนอบน้อม กระชับผ้าผืนดำที่ปิดทับอยู่บนสันจมูกโด่งคมพลางใช้สายตากวาดมองไปรอบๆบริเวณอย่างใช้ความคิด
เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด หลังจากการหายตัวไปของของราชินี หมู่บ้านแห่งนี้คงจัดสรรเวรยามขึ้นมาคอยดูแลความปลอดภัยของพวกชาวบ้าน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เขากลับคิดว่ามันโง่เง่าเสียมากกว่า
วัวหายแล้วล้อมคอกจะได้อะไรกลับคืน ส่งมนุษย์มาเป็นเพื่อนเล่นกับพวกปีศาจน้อยของเขาหรืออย่างไร
“อะแฮ่ม ว่าอย่างไร ถ้าเจ้าไม่มีจุดหมายที่จะไปพวกข้าคงปล่อยเจ้าผ่านไปไม่ได้หรอกนะ”
เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงแหลมที่มีใบหน้าลีบเล็กเพียงแค่ครึ่งฝ่ามือ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงเล็กน้อย ดวงตาฉายแววชื่อสัตย์ หากแต่ริมฝีปากกลับยิ้มเยาะ
“ผมได้ยินว่าเมืองแห่งนี้มีร้านอาหารที่ขึ้นชื่ออยู่ร้านหนึ่ง ใจจึงอยากเดินทางมาลิ้มลองซักครั้ง หวังว่าพวกพี่ชายจะเห็นด้วยกับเหตุผลอันเล็กน้อยเช่นนี้”
“ นี่เจ้าหนุ่ม เจ้าไม่รู้เหรอว่าเมืองนี้ไม่ได้เที่ยวเล่นเหมือนแต่ก่อน กลับไปเถอะ เหตุผลของเจ้ามันน้อยนิดเกินไป”
มือเล็กโบกไปข้างหน้าไวๆราวกับขับไสไล่ส่งเขาอย่างไม่ใยดี ฝ่าเท้าแห้งกรังทำท่าจะสาวกลับไปที่เดิมกลับหยุดนิ่งเพียงแค่เขาส่งเสียงรั้งเอาไว้เบาๆ
“เดี๋ยวก่อนพี่ชาย นี่เป็นเงินเก็บทั้งปีของผม ”
“ หืม ?”
“ผมคงใช้ไม่หมด รบกวนพี่ชายช่วยเอาไปใช้ซักครึ่งนึงสิ ”
แทบจะว่างเปล่า .....
ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากที่ชายผู้นั้นบอกกับเขาแม้แต่น้อย ตลอดระยะเกือบครึ่งกิโลที่ผ่านมาเขาแทบจะนับจำนวนผู้คนที่เดินสวนกับเขาได้เกือบทั้งหมด ตลาดสดที่มีร้านค้าเปิดขายเพียงไม่กี่ร้าน บ้านเรือนที่ปิดสนิทราวกับไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ กลิ่นของความหวาดกลัวครุกกรุ่นอยู่เหนือหมู่บ้านที่เคยสงบสุขแห่งนี้ เขาคงคิดว่าหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปแล้วจริง ๆ ถ้าโสตประสาทของเขาไม่รับรู้ถึงเสียงอึกทึกครึกโครมของผู้คนที่ดังออกมาจากร้านขายอาหารเก่าแก่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงมุมถนน
ไม่ว่าอย่างไรรสชาติของอาหารร้านนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของผู้ที่เคยลิ้มลองและต้องการที่จะลิ้มลองมันอยู่เสมอ ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ….
ที่อยากจะสัมผัสและลองลิ้มรสอาหารจานนั้นให้อิ่มหนำสำราญดูซักครั้ง
ท่อนขาเรียวยาวสาวไปด้านหน้าอย่างไม่รั้งรอ เดินตรงไปยังบานประตูที่เก็บกักความวุ่นวายของผู้คนไว้ด้านใน ผลักมันเข้าไปอย่างเบามือพลันมองเห็นร่างเตี้ยเล็กของหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ไม่ทราบวันว่าวันนี้ …. ”
“ขอโทษนะครับ พอดีวันนี้ผมมาตามหาคน”
“หาคน ? ใครเหรอคะ”
“เทน เขาอยู่หรือเปล่าครับ ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“น้องเทนคะ พี่เข้าไปได้ไหมคะ”
“พี่รอทส์มีอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่สำคัญมาก ผมขอพักผ่อนเงียบๆได้ไหมครับ”
“โธ่ น้องเทนคะ นี่เราไม่ได้เห็นหน้ากันเกือบอาทิตย์เต็มๆแล้วนะคะ”
หญิงสาวร่ำร้องออกมาอย่างน่าเวทนา สงสารเจ้านายน้อยของตัวเองจับใจแต่เธอคงทำได้แค่ลืมเลือนและพยายามไม่เอ่ยชื่อเด็กหนุ่มผู้ที่หายตัวไปในยามค่ำคืนนั้นออกมาเท่านั้น แต่ถ้าสวรรค์มีจริง เพียงไม่นานความทุกข์ตรมนี้อาจจะถูกพังทลายลงด้วยการมาเยือนของใครบางคน
เธอเชื่อมั่น และ ภาวนาว่าขอให้มันเป็นเช่นนั้น
“ผมขอเวลาอีกซักพักนะครับพี่รอทส์”
“แต่มีคนมารอพบน้องเทนอยู่ข้างล่างนะคะ”
“ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์พบเจอกับใครหรอกนะครับ”
“แต่ถ้าเขาคนนั้นรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการหายตัวไปเกี่ยวกับคุณยูทา …. อ๊ะ !! น้องเทน อย่าวิ่งลงบันไดอย่างนั้นสิคะ !! ”
หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจพลางมองตามร่างของเด็กหนุ่มที่วิ่งสวนเธอออกมา ฝีเท้าเล็กรีบวิ่งตามนายน้อยของตนเองลงไปพร้อมกับความหวังเล็ก ๆ ที่ถูกจุดประกายขึ้นมาภายในจิตใจ
“พี่รอทส์ เขาอยู่ไหนครับ ”
“ ตรงนั้นไงคะ ผู้ชายที่ใส่ฮู๊ดสีดำที่นั่งอยู่ตรงนั้น ”
มองตามนิ้วป้อมเล็กที่ชี้ไปยังชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่ด้านในสุดของร้าน ดวงตากลมโตที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังกลับถูกแทนที่ด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อมองเห็นใบหน้านั้นได้อย่างชัดเจน
เพล้งง !!
“ ไอ้คนสารเลว นายยังมีหน้าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีกเหรอ !”
มือเรียวกวาดจานชามที่วางอยู่บนโต๊ะทิ้งลงพื้นด้วยความเกรี้ยวกราด ใบหน้าขาวสวยซีดเซียวลงไปมาก หากแต่ความงดงามยังคงไม่จางหายไปไหน
อ่าาา ตอนนี้เขากำลังโดนโกรธอยู่นี่หน่า ยังคิดเรื่องอื่นไม่ได้สินะ ….
จอห์นนี่ นายนี่มันใจร้อนจริงเชียว
“ ทำไมผมต้องไม่กล้ามาให้คุณเห็นหน้าด้วยหล่ะ ผมทำอะไรผิดงั้นเหรอ ?”
เรียวขายาวหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับใบหน้าหล่อคมที่เผยรอยยิ้มใสซื่อออกมา มองเห็นดวงตาเฉียงเล็กที่หลุบต่ำลงเล็กน้อยอย่างคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
เรื่องที่หมอนี่ทำผิดงั้นเหรอ …. ?
ให้ตายเหอะ มันมีซักที่ไหนเล่า
“ ว่ายังไง ? ”
“ กะ ก็เรื่องที่นายชี้เป้าว่าพี่ยูทาเป็นเจ้าสาวบ้าบอนั่นไง เพราะนายพี่ยูทาถึงหายไป ”
“ แต่คุณอย่าลืมสิ ว่านั่นเป็นเพียงแค่การคาดเดา และผมไม่ได้เป็นคนลักพาตัวเขาไปนะ”
เดินตรงเข้าไปร่างเล็กที่ถอยหนีเขาไปด้านหลังโดยอัตโนมัติ ดวงตาเฉียงเล็กเงยขึ้นสบใบหน้าหล่อเหลาอย่างหวาดระแวง ริมฝีปากสีเชอรี่เผลอขบกัดเข้ากันเบาๆด้วยความเคยชิน มองตามมือหยาบที่ล้วงเข้าไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อฮู้ดตัวโต
ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กลวดลายคุ้นตาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา ....
ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ที่เป็นของพี่ยูทา ...
“คืนนี้เวลาชั่วยามผมจะรอคุณใต้ต้นโอ้กต้นที่ 3 ก่อนถึงทางออกหมู่บ้าน ผมจะบอกทุกอย่างที่คุณต้องการจะรู้ ”
“…………”
“คุณ แค่คนเดียว ....”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“น้องเทนคะ หลับหรือยังคะ คุณนายให้พี่เอาเครื่องดื่มร้อนๆนมมาให้ทานค่ะ ”
“………….”
“น้องเทนหลับแล้วเหรอคะ”
“..................”
“อ่าา คงหลับเล้วสินะ”
พลันเสียงพ่นลมหายใจรวมถึงฝีเท้าเล็กๆที่เดินออกไปจางลง ดวงตาเฉียงเล็กภายใต้ผ้าห่มหนาก็เบิกโผลงขึ้นมาราวกลับกำลังนอนรอเวลานี้อยู่อย่างใจจดใจจ่อ ฝ่าเท้าขาวนวลเหยียบลงบนพื้นพรมนุ่มนิ่มอย่างระแวดระวัง เอื้อมมือไปหยิบเสื้อโค้ชสีกรมตัวหนามาสวมใส่เพื่อปกป้องความหนาวเย็นจากอากาศด้านนอก มือบานผลักบานหน้าต่างออกไปด้านนอกอย่างช้าๆ พลันสายตาเงยสบกับดวงจันทร์สีสุกที่กลมโตอย่างเต็มที่ หัวใจดวงเล็กพลันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เทน ทุกวันที่เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงลูกห้ามออกไปเล่นที่ไหนที่ไกลหูไกลตาจากแม่นะลูก
ทำไมหล่ะครับแม่ งั้นเพื่อนๆของผมก็รอผมแย่หน่ะสิ ไม่เอาหรอก ผมอยากไปเล่นกับเพื่อน เล่นทุกวันเลย
ไม่ได้นะเทน ลูกต้องเชื่อแม่นะ
ทำไมเหรอครับแม่ แค่เทนเป็นคนปรกติเหรอ แค่เทนไม่เหมือนพวกเขาใช่ไหม
ไม่ใช่ลูก ลูกเหมือนพวกเขา แต่เพียงแค่สิ่งสิ่งนั้นมันซ่อนอยู่ในร่างกายของลูก เชื่อแม่นะเทน ถ้าถึงเวลาแม่จะบอกความจริงกับลูกเอง
แม่ครับ
ผมขอโทษ
“ นี่นาย ! ฉันมาถึงแล้วนะ นายอยู่ไหนกัน ”
เสียงหวานร้องเรียกออกไปท่ามกลางความมืดมิดของป่าโอ้กที่เป็นจุดนัดพบของเขาและชายหนุ่มอีกคนในคืนนี้ ใบหน้าขาวสวยเริ่มบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับริมฝีปากบางเล็กที่ตั้งท่าจะเปิดอ้าขึ้นมาอีกครั้ง
กึก กึก กึก
“ นี่ นายใช่ไหม ?”
จดจ้องดวงตาไปยังชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่นั่งตรงตำแหน่งคนขับรถ หมวกฮู้ดสีดำถูกเลิกขึ้นมาบดบังใบหน้าหล่อเสียจนอีกคนนึกไม่แน่ใจในตัวตน ยิ่งมองเห็นรถม้าโบราณที่ถูกควบคุมด้วยชายผู้นั้นยิ่งทำให้ร่างบางรู้สึกสับสนยิ่งขึ้นไปอีก
เราสัญญาว่าจะมาพบกัน แค่นั้นไม่ใช่เหรอ ?
“ ขึ้นมาสิ ”
“ ไม่เด็ดขาด ! ”
พลันเรียวขาสวยรู้สึกสั่นเทาขึ้นมาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำสั่งของชายหนุ่มผู้นั้น ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกินในจิตใจ รู้สึกถึงความผิดพลาด หวาดระแวง และไม่อาจเชื่อมั่นในคนๆ นี้ได้อีกต่อไป
“ อ๊ะ ! ปล่อยฉันนะ !! ”
ลำตัวบางเล็กที่กะจะวิ่งออกไปกลับถูกคนตัวใหญ่กว่าดึงเข้ามากอดรัด ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขัดขืน ความแข็งแรงของคนตรงหน้ามันมากมายเสียจนสามารถบดกระดูกของเขาให้แหลกละเอียดเป็นผุยผง
“ ดูท่าเจ้าจะรู้ตัวเร็วเกินไปหน่อยนะ ”
เงยขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงเย้ยหยันที่ส่งออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หมวกผ้าที่ไหลลงกองอยู่บนลาดไหล่เผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมเหมือนกับคนที่เขาพบเจอเมื่อตอนช่วงกลางวัน
แต่ความรู้สึกที่ส่งออกมามันกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ นายต้องการอะไร ? ”
พยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไป หากแต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ไล้มองร่างกายของเขาอย่างหลงใหลไม่อาจจะทำให้ร่างบางนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“ นายอย่าคิดจะทำอะไรบ้า ๆ นะ”
พระเจ้า
“ อะไรกัน ข้าแค่ต้องการมีความสุข”
ได้โปรด
“ กับร่างกายอันหอมหวนนี้ก็เท่านั้น ”
ผมขอ
“ เจ้าพอจะช่วยข้าได้ไหม”
อย่าให้มันเกิดขึ้น
“คนงามของข้า ”
“อ๊ะ อ๊ะ พะ พอแล้ว มะ ไม่ไหวแล้ว”
เสียงหวานครางกระเส่าอย่างน่าเวทนาเมื่อร่างกายบอบบางนี้ต้องทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกที่รุนแรงของร่างที่กำลังลุ่มหลงมัวเมาอยู่ทางด้านหลัง เล็บสวยจิกข่วนลงบนเปลือกไม้โอ้กต้นใหญ่ที่ตนโอบล้อมอยู่ หยดน้ำตาแห่งความอัปยศร่วงรินลงมาซ้ำแล้วซ้ำราวกับย้ำเตือนว่าสติของเขามันยังไม่ถูกทำลายจนดับมอดไป เบี่ยงตัวหนีใบหน้าหล่อคมที่ก้มลงมาซุกไซร้อยู่บนแผ่นหลังที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อของตน ริมฝีปากแดงช้ำขบกัดเข้ากันแน่นเพื่อที่มันจะไม่เผลอส่งเสียงอันน่าอับอายออกไปยามที่ชายหนุ่มอีกคนเผลอกระแทกโดนจุดที่เขาเองไม่สามารถควบคุมมันได้ เปลือกตาสีแดงก่ำปิดลงเข้าหากันแน่นเมื่อรู้สึกว่าแรงส่งจากด้านหลังมันเร้าร้อนและรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ ขาเล็กสั่นเทาจนแทบจะพยุงตัวไม่อยู่ ในจิตใจภาวนาเพียงแค่พระเจ้าจะฟังคำขอสุดท้ายของเขา
ได้โปรด แค่ซักครั้ง ....
แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
“อึกกก อ๊าาาาา ”
กระแสน้ำอุ่นร้อนที่ไหลทะลักเข้ามาภายในเรียกดวงตาแดงก่ำให้เบิกโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ ไม่มีหยดน้ำตาให้ร่วงรินลงมาอีกแล้ว ค่อย ๆ ปิดตาลงพร้อมกับก้ำกลืนความทุกข์ทรมานที่มันจะตามหลอกหลอนเขาไปจวบจนชีวิตจะจบลง
เส้นแสงสีทองอร่ามที่สาดส่องเข้าผ่านบานหน้าต่างใหญ่ยักษ์สีดำทะมึน เรียกเปลือกตาบวมช้ำให้เปิดขึ้นมาพบกับความจริงอันแสนโหดร้ายอีกครั้ง อยากจะลืมเลือนหรือขอให้มันเป็นแค่ความฝันแต่ความเจ็บปวดยามขยับตัวรวมถึงสถานที่แปลกตาที่หายากยิ่งในเมืองมนุษย์ไม่อาจจะทำให้ร่างบางฝืนหลอกลวงตัวเองได้อีกต่อไป
ตราบาปที่ประทับลงบนร่างกายเพียงชั่วคืน
กลับตราตรึงความทุกข์ตรมให้คงอยู่ไปตลอดกาล
มันคือผลบาปที่เขาต้องน้อมรับตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า
แกร๊กก !!
ร่างบางสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกลอนประตูที่ถูกปลดออกอย่างเบามือ ดวงตาเฉียงเล็กปิดลงทันที
“ ช่างเป็นมนุษย์ที่เกียจคร้านอะไรเช่นนี้ ”
รู้สึกถึงฟูกที่นอนที่ยวบลงตามแรงของผู้มาใหม่ อยากจะหลีกหนีใบหน้าออกจากมือหยาบที่กำลังไกล่เกลี่ยอยู่เส้นผมนุ่มสลวย หากแต่อดีตที่เคยผิดพลาดกลับย้ำเตือนให้เด็กหนุ่มผู้นี้มีสตินึกคิดมากยิ่งขึ้น
แน่นอนที่ชายผู้นี้ไม่ใช่คน ตัวเขาในตอนนี้จึงไม่มีสิทธิคิดต่อรองใดๆ
เขาต้องรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ เพื่อแม่ พนักงานในร้านอาหารเล็กๆ หมู่บ้านอันแสนสงบสุข
และอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังหายใจอยู่ในร่างกายของเขา
เมื่อ 18 ปีก่อนเมื่อเขาเริ่มชีวิต มีสิ่งหนึ่งประหลาดอย่างหนึ่งฝังแฝงอยู่ในร่างกายของเขา มันโหดร้าย น่าสะอิดสะเอียน จนพาให้เขานึกอยากจบชีวิตลงเมื่อมารดาของเขาตัดสินใจบอกความลับบางสิ่งกับเขาอย่างที่นางเคยได้สัญญาไว้ในวันเกิดปีที่ผ่านมา
เมื่อร่างกายอันบริสุทธ์ถูกทำให้แปดเปื้อนในคืนพระจันทร์เต็มดวง สายธารจากคนผู้นั้นหลั่งไหลถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายและจิตใจ
จะก่อกำเนิดชีวิตใหม่ที่รักยิ่งเช่นชีวี
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถบังคับจิตใจให้นึกรังเกียจสิ่งที่ชีวิตมีชีวิตที่หายใจรวยระรินนอยู่ในร่างกายของเขาได้ และเป็นดั่งคำสาป
ความรู้สึกของเขากับชายผู้นั้นก็เช่นกัน
ที่ความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ทุกอย่างจะค่อยๆมลายหายไป เมื่อเด็กในท้องต้องการความอบอุ่นของผู้เป็นบิดาเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจให้เติบโตขึ้น
“ เจ้าจะนอนอยู่แบบนี้ไปอีกนานเท่าไร ไม่นึกครั่นตัวบ้างหรือ ”
แรงสะกิดที่ไม่มากไม่น้อยไม่มีผลกระทบใดๆ กลับคนที่แกล้งทำเป็นหลับอยู่แล้ว เพราะการที่เขาจะตื่นขึ้นมาหรือจะหลับต่อ มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเพียงเท่านั้น
“ หากเจ้ายังไม่ตื่น ข้าจะไม่ใจดีกับเจ้าแล้วนะ”
“ หึ แค่เรื่องที่ผ่านมาคุณยังโหดร้ายกับผมไม่พออีกเหรอ ”
สรรพนามที่เปลื่ยนไปกะทันหันไม่อาจจะทำให้ร่างสูงนิ่งเฉยได้ต่อไป จ้องมองไปยังใบหน้าขาวซีดที่กำลังทอดมองมาที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่ายิ่งทำให้เกิดอารมณ์โทสะที่มีพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ไม่เคยเลิกดื้อดึงกับข้า ”
“ ผมไม่ได้ดื้อดึง ”
“ แล้วเหตุใดเจ้าจึงมองมาที่ข้าด้วยสายตาเย็นชาเช่นนั้น ”
“ คุณจะให้ผมมองคุณด้วยสายตาชื่นชมหรืออย่างไร คุณมันเป็นปีศาจจะมายุ่งกับมนุษย์อย่างผมทำไม”
“ นี่เจ้า !!! ”
กระชากเรียวแขนเล็กขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด จ้องมองดวงตาเฉียงเล็กที่เริ่มมีหยดน้ำตาคลอเอ่ออย่างไม่คิดจะสนใจมัน
แค่ทำให้มนุษย์ผู้นี้เป็นของเขา มันยังไม่พอที่จะให้ความดื้อด้านมันหายไปจากจิตใจคนๆ นี้อีกงั้นเหรอ
เขาต้องทำเช่นไร ....
อย่างไรที่ร่างกายและจิตใจของคนผู้นี้จะเป็นของเขาเสียที !
“ รีบอาบน้ำแต่งตัว ข้าจะรอเจ้าที่โต๊ะอาหาร อย่าให้ช้านักหล่ะ ข้าไม่ชอบการรอคอยอะไรนานๆ”
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นสุดตัวจะสะบัดผ้าคลุมสีดำทะมึนเดินหายไปทางประตู ร่างเล็กหอบหายใจหนักๆจากการใช้แรงไปไม่น้อยในการโต้วาทะกับภูตผีตนนั้น นัยน์ตาแดงช้ำหลับพริ้มลงอีกครั้งพลันนึกถึงชายหนุ่มขับรถม้าที่เค้าได้พบเจอเพียง 2 ครั้ง
จากที่เคยนึกรังเกียจและคิดว่าคนผู้นั้นเป็นคนที่ไม่เข้าใกล้
แต่ในตอนนี้เขากลับคิดถึงชายหนุ่มผู้นั้นแทบขาดใจ
กลับได้ไหม กลับเป็นคนผู้นั้น
แทนที่ปีศาจร้ายตนนี้ ....
“ เหตุใดเจ้าถึงลงมาช้าเช่นนี้ คำพูดของข้าไม่มีความหมายสำหรับเจ้าเลยงั้นเหรอ ”
เงยหน้าขึ้นมองคำพูดเสียดแทงที่ส่งออกมาจากอมนุษย์ผู้สง่างามที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เป็นเพราะบรรยากาศ รวมถึงกลิ่นอายของปีศาจที่ตลบอบอวลอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตแห่งนี้ไม่อาจจะทำให้มนุษย์อย่างเขารู้สึกคุ้นชินกับมันได้ในเวลาที่รวดเร็ว ยิ่งมองเห็นอาหารจานโตที่มีหน้าตาแปลกประหลาดพาลทำให้สิ่งชีวิตในร่างกายของเขาต่อต้านเป็นการใหญ่
ให้ตายเหอะ เขาเป็นห่วงลูกน้อยของเขาเหลือเกิน
“ ทำไมถึงทำหน้าตาเช่นนั้น มีอะไรที่ข้าทำให้แล้วเจ้าไม่พอใจอีกงั้นเหรอ ”
“ ผะ ผมเปล่า ”
ร่างบางตอบเสียงเบา พลางนึกฝืนตัวเองให้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้เขารู้อิดสะเอียนเหล่านั้นอย่างไม่คิดจะแสดงท่าทีใดๆ ออกมา
สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขามันต้องเป็นความลับ
เด็กน้อยต้องปลอดภัย และมีชีวิตออกจากที่แห่งนี้ไปพร้อมกับเขา
“ แล้วเหตุใด .. เทน !!! ”
ชิ้นเนื้อสีม่วงช้ำร่วงลงจากส้อมพร้อมกับร่างบางเล็กที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เคลื่อนตัวไปประคองใบหน้าขาวซีดขึ้นมาอย่างเบามือพลางจ้องมองดวงตาปรอยปรือนั่นด้วยความเป็นห่วงที่มีมากล้นเสียจนใกล้ปะทุออกมาจากอก
“ เจ้าเป็นเช่นไร ”
ทำไมมันถึงอบอุ่นเหลือเกิน …
“ มองมาที่ข้าสิ ”
ลูกน้อย เจ้าชอบมันมากเลยหรือ
“ เทน พูดกับข้า ”
แค่เจ้าชอบมัน แม่ก็ดีใจแล้ว
“เทน เจ้าฟื้นแล้วหรือ ... ”
“คะ คุณ ! ผะ ผมไม่ได้เป็นอะไร ”
ร่างบางพลันสะดุ้งขึ้นมาสุดตัวเมื่อมองเห็นใบหน้าใครบางคนที่กำลังจ้องมองมายังเขาด้วยอย่างห่วงหา เมื่อสติที่เคยลาลับค่อยๆฟื้นคืนมา มือบางจึงเลื่อนลงไปจับหน้าท้องที่เริ่มโป่งนูนขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความตกใจ
หวังว่าความลับนั้น คงไม่ ...
“ เจ้าเป็นเช่น ปวดท้องงั้นหรือ”
“ปะ เปล่า ผมไม่ได้เป็นไร ”
ลอบมองใบหน้าหล่อคมที่ก้มลงไปหยิบถ้วยชาที่ข้างในบรรจุของเหลวสีดำขึ้นมายื่นให้เขาด้วยความวิตกกังวล
ยานี่มันคืออะไร หวังว่ามันคงไม่ใช่ ...
“ เจ้านอนแน่นิ่งไปสามวันสามคืน คงสูญเสียพลังความนึกคิดไปมาก กินนี้ซะ มันจะทำให้เจ้าปลอดโปร่งมากขึ้น ”
“ผะ ผมไม่กิน ”
ร่างบางบอกปัดพลางหลบหลีกสายตาแหลมคมที่จ้องมองมาที่ตน ได้ยินเสียงแก้วชาที่กระทบลงบนโต๊ะ ใบหน้าสวยรีบหันไปมองเจ้าของการกระทำนั้นทันที
“ ข้าจะไม่ทำอะไรที่ฝืนจิตใจเจ้าต่อไป ตั้งแต่นี้ขอให้เจ้าบอกในสิ่งไม่ชอบ และร้องขอในสิ่งที่ต้องการ ข้าทนไม่ได้ที่จะเห็นเจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้อีกครั้ง ”
เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าเขาสามารถสัมผัสถึงความทุกข์ตรมที่ฝังแฝงอยู่ในน้ำเสียงและท่าทางเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน พลันภายในจิตใจได้ยินเสียงลูกน้อยกระซิบกระซาบในสิ่งที่ตนต้องการให้เขาได้รับรู้ ดวงตาเรียวสวยหลุบต่ำลงเล็กน้อย พร้อมกับมือบางที่เอื้อมขึ้นไปคว้าท่อนแขนใหญ่หนาของคนที่กำลังเดินจากไปเบาๆ
“จุมพิตผม”
ลูกน้อย เหตุใดเจ้าถึงให้แม่ต้องร้องขอเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ด้วย
“ เจ้าว่าเช่นไรนะ ?”
“ เร็ว เร็วเข้าสิ ”
ความอบอุ่นที่เจ้าต้องการ มันสร้างความลำบากให้แม่เกินไปแล้ว !
“พะ พอก่อน แค่นั้นคุณก็สบายตัวแล้วไม่ใช่หรือ”
มือบางรีบไขว่คว้าฝ่ามือหยาบหนาที่ไล่ลูบวนอยู่บนสะโพกนุ่มมือของตนราวกับกำลังสัญญาณอะไรบางอย่าง
แต่ตอนนี้มันคงไม่ได้แล้ว ...
ถึงท้องของเขามันไม่ได้โป่งนูนขึ้นมาชัดเจนจนผู้คนสังเกตเห็น แต่นี่มันก็เกือบ 5 เดือน
ถ้าเผลอเขายอมตามใจปีศาจร้ายตนนี้อีกครั้ง ลูกน้อยคงเขาคงต้องแย่แน่ๆ
“ แต่เจ้ายัง ... ”
“ ผมไม่เป็นไร ผมอยากพักผ่อนมากกว่า”
เลื่อนใบหน้าขึ้นมาจากกึ่งกลางลำตัวของร่างสูงพร้อมกับกับใบหน้าแดงฉาดที่ฉายแววเหนื่อยล้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันมองดูงดงามและน่าลุ่มหลงเสียจนเขาต้องรีบผละตัวออกมาสภาวะที่ล่อแหลมเช่นนี้
เขาไม่คิดถึงติดใจหรือแค้นเคืองเมื่อได้ยินคำปฏิเสธ
เพราะสิ่งที่เขาได้รับตอนนี้ มันมากกว่าที่เขาเคยต้องการเป็นไหนๆ
“ คุณจะไปไหนเหรอ ”
เอ่ยรั้งร่างสูงใหญ่ที่พลันลุกขึ้นยืนเมื่อเขาเลื่อนตัวขึ้นมาหวังซึมซับความอบอุ่นร่างกายร้อนลวกนั่น มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ทอดมองมายังเขาอย่างหลงใหล พลันทำให้ใบหน้างดงามแดงซ่านขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ หรือเจ้าไม่อยากให้ข้าไป ”
“ หากคุณมีธุระก็รีบไปทำเถอะ ผมไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น ”
พลิกตัวหันหลังบางๆให้คนผู้นี้เชยชมอีกซักหน่อย ก่อนที่เสียงปิดงับประตูจะดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับดวงตาสุกใสที่หลับพริ้มลงอีกครั้ง
นี่เขาหลับไปนานเท่าไรแล้ว .....
ดวงตาเฉียงเล็กปรอยปรือขึ้นมาช้าๆ พลางมองไปยังบานหน้าต่างที่บัดนี้ด้านนอกถูกฉาบวาดไปด้วยสีดำมืดของยามรัตติกาล หย่อนเท้าบางเล็กลงแตะพื้นพรมช้าๆก่อนจะเดินออกไปตามหาความอบอุ่นที่ป่านนี้คงนั่งรอเขาอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างที่ผ่านมา สาวเท้าออกจากห้องไปช้าๆ ก่อนที่ดวงตาจะมองเห็นบางประตูบานหนึ่งที่ถูกแง้มออกเล็กน้อย เด็กหนุ่มไม่สามารถสะกดกลั้นความยากรู้อยากเห็นของตนได้เลยแม้แต่น้อย เรียวเท้าสวยสาวเข้าไปใกล้แสงสว่างที่ส่องลอดอกมาจากห้อง ห้องนั้นช้า ๆ ภาพแผ่นหลังที่เคยคุ้นเคยที่วางอยู่เบื้องหน้าทำให้ร่างบางแทบจะพุ่งตัวเข้าไปเดี๋ยวนั้น ถ้าสายตาไม่สะดุดกับร่างสูงใหญ่แปลกตาร่างหนึ่งที่....
เชยใบหน้าขาวซีดนั่นขึ้นมาบรรจงจูบอย่างแผ่วเบา มองเห็นดวงตาแดงฉาด จมูกแหลมเล็ก รวมถึงริมฝีปากสีดำเข้มอย่างชัดเจนเมื่อคนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมารองรับจุมพิตจากใครอีกคนด้วยความยินดี
จากที่เคยคิดว่าใช่ แต่ในนี้ใบหน้านั้นกลับไม่ละม้ายคลึงกับคนที่เขาเคยรู้จักแม้แต่น้อย
หรือว่าในเวลานี้ ....
พี่ยูทากลายเป็นปีศาจไปแล้วงั้นหรือ !!!
แกร๊ก ….
“ เหตุใดเจ้าถึงไม่ลงไปรับประทานอาหารค่ำกับข้า ”
น้ำเสียงที่ส่งทอดออกมาไร้ซี่งคำติฉินใดๆ ร่างกายสูงใหญ่เคลื่อนตัวเข้าใกล้เด็กหนุ่มที่นั่งตัวนิ่งตรงบนอยู่บนตั่งเตียงกว้างใหญ่ด้วยสีหน้าที่เต็มตื้นไปด้วยความห่วงใย
“ คุณเคยบอกว่าให้ผมร้องขอในสิ่งตนเองต้องการ มันหมายความว่าคุณจะยอมทำตามมันด้วยหรือไม่”
“แน่สิ เจ้ามีอะไรจะขอร้องข้างั้นหรือ”
จ้องมองใบหน้านวลใสที่ตอนนี้เซื่องซึมลงเล็กน้อยอย่างแปลกตา มองตามเรียวมือเล็กที่เอื้อมขึ้นไล้โครงหน้าคมสันของเขาอย่างแผ่วเบา
“ ผมคิดถึงบ้าน ผมอยากกลับไปหาแม่อีกซักครั้ง ”
เสียงหวานเอ่ยออกไปพร้อมกับเสียงร่ำร้องของอีกหนึ่งชีวิตภายใน แม่ไม่ได้อยากทำร้ายเจ้า เพราะแม่เองก็เจ็บปวดกับมันไม่แพ้กัน
แต่จะให้ทำเช่นไร ….
ให้เจ้าลูกน้อยกลายเป็นปีศาจน่าเวทนาอย่างนั้น ลำพังตัวเขาเองก็ไม่คิดเกรงกลัวกับอะไรบนโลกนี้อีกแล้ว
แต่กับสิ่งที่รักยิ่งชีวิต เขาคงยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้
“ เหตุใด ...”
“นี่มันก็เกือบครึ่งปีแล้วที่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมเพียงแค่อยากกลับไปบอกว่าพวกเขาว่าผมยังมีชีวิตอยู่แค่นั้น ”
ไม่หรอกถ้ามีโอกาส ผมคงไม่ย้อนกลับมาที่นี่
“ ได้ไหม แค่เพียงไม่กี่วัน”
ผมคงต้องหาทางหนี และปิดกั้นทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เราพบเจอกันอีก
“ แล้วผมจะกลับมา ”
ลาก่อน จอห์นนี่ ....
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ทั้งๆที่เวลานี้เจ้าไม่สามารถไปเยือนเมืองมนุษย์ได้อีก เจ้ากลับปล่อยเขาไป ”
ละสายตาออกจากรถม้าคันเล็กที่กำลังเคลื่อนออกจากตัวคฤหาสน์ผ่านบานหน้าต่างสีดำทมึน ก่อนจะหันไปจ้องมองร่างสูงสง่าของใครบางคนที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง
“ เหตุใดข้าจึงต้องฉุดรั้งเขาเอาไว้ ”
“ เจ้าแน่ใจอย่างไรว่าเขาจะกลับมา ”
“ ข้าไม่เคยแน่ใจว่าเขาจะกลับมา ”
เป็นอีกครั้งที่เขานึกไม่เข้าใจความคิดของจอห์นนี่ มองตามร่างสูงใหญ่ที่ทอดตัวลงบนเก้าอี้หนังสัตว์ที่น้ำตาลเข้ม ถึงท่าทางแบบนั้นมันจะมองดูผ่อนคลายเพียงใด แต่ความตรึงเครียดที่ส่งผ่านออกมาจากใบหน้าเรียบเฉยนั้นไม่อาจจะทำให้ฮันโซลนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“เจ้าคนจองหอง ไม่นานเจ้าจะได้รู้ว่ารสชาติของการจากลาอันแสนยาวนานมันทุกข์ทรมานเพียงใด”
“ ท่าจะสาปแช่งข้าเพื่อเหตุใด ในเมื่อถ้าเขาไม่กลับมาอย่างไรข้าก็ต้องออกไปตามหาเขา ”
“………………”
“ เวลาเพียงแค่ 1 ปี มันไม่ได้ยาวนานเกินไปถ้าเทียบกับการที่ข้าจะได้รู้ว่าถ้าไม่มีตัวข้าแล้ว ...”
“.......................”
“ เขาจะคำนึงถึงข้าเพียงใด .... ”
1 ปีผ่านไป .......
“แม่ครับ เจสันหายไปไหน อ๊ะ ! พี่รอทส์เห็นเจสันไหมครับ ”
ร่างเล็กเดินตะโกนถามหาเจ้าลูกน้อยไปทั่ว เมื่อเขาหมดเวลาเกือบทั้งวันไปกับการจัดการเคลียร์บัญชีกองโตในห้องเล็กๆ บนชั้นสองของร้าน นึกถึงหน้าเจ้าเด็กดื้อคนนั้นก็อยากจะตัวมาตีให้หายซน ถึงจะบอกไปแล้วว่าให้รอเขาเคลียร์บัญชีให้เสร็จแล้วจะพาออกไปซื้อของกัน แต่เจ้าตัวเล็กก็พาร่างที่ใหญ่โตกว่าเด็กหนึ่งขวบเล็กวิ่งหนีเขาไปซะอย่างนั้น
นิสัยดื้อรั้นเหมือนเขาไม่มีผิด !
“ พี่เห็นวิ่งไปทางหน้าร้านค่ะน้องเทน คงไปเล่นกับเพื่อนๆ แกมั้งคะ”
หญิงสาวแย้มยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อมองเห็นใบหน้างดงามของเด็กหนุ่มที่เริ่มบึ้งตึงขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนจะเป็นกิจวัติประจำวันไปแล้วกับการที่เห็นนายของตัวเองวิ่งไล่จับเด็กน้อยน่าตาน่ารักที่ชอบวิ่งซนไปเรื่อย
มันเป็นภาพที่งดงามและทอให้เห็นสายใยของครอบครัวได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้ว่าจนถึงตอนนี้ …
ยังไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นบิดาของเด็กน้อยคนนั้นก็ตาม
“ เจ้าเด็กดื้อนั้นเห็นเพื่อนเล่นสำคัญกว่าผมหรือยังไงนะ ”
“ คิคิ ก็คุณหนูน่าตาน่ารักจิ้มลิ้มขนาดนั้น ก็ต้องมีเพื่อนเยอะเป็นธรรมดาสิคะ ”
น่ารักจิ้มลิ้มงั้นเหรอ ?
เจสันหน้าเหมือนคนคนนั้นอย่างกับแกะ จะน่ารักจิ้มลิ้มได้อย่างไร
อ่าาาา อย่าสิเทน วันนี้ก็เอาแต่นึกถึงอะไรที่มันไม่ควรนึกถึงอีกแล้วนะ
“ผมออกไปดูเจสันก่อนนะครับพี่รอทส์ ฝากร้านด้วยนะครับ”
เท้าเล็กสาวออกไปด้านหน้าเร็วๆพลางสลัดความนึกคิดอันไร้สาระออกจากหัวสมอง สนใจทำไมกับที่ตลอดหนึ่งปีไม่เคยคิดจะโผล่หน้ามาให้เห็น ....
ไม่สิ เขาต้องดีใจต่างหากที่คนเจ้านั่นทำแบบนั้น
คนที่กำลังหนี จะต้องการให้ตัวเองโดนไล่ตามทำไมหล่ะ จริงไหม ?
“เด็กน้อย ให้พี่ชายเข้าไปไม่ได้เหรอ ”
“ ไม่เอา หม่ามี๊ทำงานเหนื่อยแล้ว ถ้าพี่ชายเข้าไปหม่ามี๊ต้องเหนื่อยกว่าเดิมหน่ะสิ”
“ ที่นี่เป็นร้านอาหารไม่ใช่เหรอ ถ้าม่ามี๊ไม่เหนื่อย ม่ามี๊ก็ไม่ได้เงินสิ”
“เจสันไม่อยากได้เงิน เจสันอยากอยู่กับมามี๊ พี่ชายไปนะ ”
บทสนทนาของเด็กน้อยกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำเอาร่างบางอยากจะล้มพับลงไปแล้วไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
เจสันไล่ลูกค้าอีกแล้ว เจ้าเด็กนี่กำลังจะทำให้อดตายจริงๆใช่ไหม
ถึงแม้ว่าในใจเขากลับรู้สึกตื้นตันกับคำพูดเล็กน้อยนั่น จนอยากร้องไห้ออกมาก็เหอะ
“เจสัน เข้ามาในบ้านกับม่ามี๊เร็ว ขอโทษนะครับพอดี .....”
“อ๊ะ ! พี่ชาย อย่ามองม่ามี๊ของผมอย่างนั้นนะ ”
“ ม่ามี๊ ? …. ”
“...............”
“หมายความอย่างไร เทน .... ”
“มันไม่มีอะไรทั้งนั้น คุณกลับไปเถอะ ”
รั้งมือบางของคนที่กำลังจะเดินจากไปพร้อมกับจ้องมองเด็กชายตัวน้อยที่พอมองดูชัด ๆ กลับมีหน้าตาละม้ายคลึงกับเขาราวกับแกะ
“ เขาเป็นลูกข้าใช่ไหม ”
“ไม่ใช่ ! เขาไม่ใช่ลูกของคุณ ปล่อยผมนะ”
แขนเรียวออกแรงสะบัดพร้อมกับริมฝีปากบางเล็กที่แผดเสียงร้องออกมาจนผู้คนภายในร้านพากันหันมอง แต่มีหรือที่เขาจะสนใจ ...
วงแขนหนาตะหวัดลงไปโอบอุ้มร่างน้อยของเด็กชายขึ้นมา พร้อมกับลำตัวสูงใหญ่ที่ตั้งท่าจะเดินออกไปจากตรงนั้น ร่างบางมองภาพตรงหน้าด้วยความแค้นเคืองจนอยากจะร้องไห้ออกมา
“เจสันไปกับพี่ชายไหม ”
“ อ่าาา ตัวพี่ชายอุ่นจัง เจสันอยากไปกับพี่ชาย เราไปเล่นด้วยกันนะ .... ”
.
.
.
“แล้วเจ้าหล่ะ จะไปกับข้าไหม ?”
“ เมื่อไรคุณจะเลิกใช้นิสัยสกปรกๆ แบบนี้ บังคับขืนใจคนอื่นซักที ”
ร่างบางพร่ำบ่นออกมาอย่างแค้นเคืองพลางจ้องมองลูกน้อยที่กำลังวิ่งเล่นกับเพื่อนๆอยู่ในสวนเล็กๆของหมู่บ้าน ความรู้สึกผิดเริ่มตีแทรกเข้ามาภายในจิตใจ
ภาพเมื่อซักครู่ทำไมให้เขาหวนนึกไปถึงตอนที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับคนผู้นี้ …..
เด็กน้อยที่วันๆต้องการแต่ความอบอุ่นของพ่อ จนทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าไปหลายครา
มันน่าตลก และมีความสุขเสียจริง ....
“เหมือนข้าไม่มีผิด ..... ”
“ไม่เหมือนซักนิด คุณคิดไปเอง เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของคุณ”
ร่างบางโต้เถียงทันควัน พลางจ้องมองใบหน้าเรียบเฉยของร่างสูงด้วยแววตาที่ฝังแฝงไปด้วยความกังวล
ถ้าอยากทำลาย เพียงแค่เขาคลอดเด็กชายออกมา มันก็ไม่ได้แปลว่าจะเปลื่ยนแปลงความคิดของปีศาจร้ายตนนี้ได้
พระเจ้า แค่ซักครั้ง ....
“ ข้าได้กลิ่นปีศาจเจือจางออกมาจากตัวเขา เขาคือลูกของเราใช่ไหม”
ให้ตาย .....
“ คุณห้ามทำอะไรเขาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผมไม่มีทางยกโทษให้คุณแน่”
ร่างบางร้องออกมาอย่างจนตรอก ความลับถูกเปิดเผยแล้ว ความเป็นจริง มันคือสิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
“ นานเท่าใด ”
“ คืนแรกที่ผมเป็นของคุณ...”
“จิตใจเจ้าช่างโหดร้ายยิ่งนัก เจ้าพาตัวเองหนีหายไปพร้อมกับลูกของข้าอย่างนั้นหรือ ”
“ผมไม่รู่ว่าคุณจะทำยังไงกับเขาถ้าเขาเกิดมา และผมก็ไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนกับคุณ”
หยดน้ำตาเม็ดเล็กพรั่งพรูลงมาราวกับคนที่กำลังจะสูญเสียความเป็นตัวเอง หวาดกลัว วิตกกังวล ทุกสิ่งอย่างกลับสลายหายไปเพียงรับรู้ถึงวงแขนใหญ่หนาที่ตวัดลำตัวของเขาเข้าไปกอดกกอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นที่เคยจางหายไปเนิ่นนาน ในตอนนี้เขาได้รับมันอีกครั้ง
“ ถึงข้าจะเป็นภูตผีร้ายที่โฉดชั่วเพียงใด ข้าไม่อาจทำร้ายดวงใจของตัวเองได้ลง”
“…………..”
“ ขอบคุณ ....”
“……………”
“ สำหรับของขวัญอันเเสนวิเศษของพวกเรา เทน ...”
“ปาป๊า ไม่ไป เจสันไม่ให้ไป ”
ไล่เกลี่ยหยดน้ำตาสีใสที่ไหลลงเปื้อนแก้มอวบอูมของเด็กน้อยในอ้อมอกเบาๆ อย่างรักใคร่ เพียงชั่วหายใจ เวลา 1 ปีที่เขาสามารถใช้ชีวิตในเมืองมนุษย์ได้ก็หมดลงอย่างน่าใจหาย จะรับได้อย่างไรถ้าเขาต้องจากสองชีวิตที่รักไปใช้ชีวิตในเมืองภูตผี 1 ปีเต็ม
แต่กฎที่ถูกตั้งไว้ไม่ได้มีไว้ให้ฝ่าฝืน ข่มใจ และรอคอยให้เวลานั้นสิ้นสุด ....
มันคือสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้
“เจสันมาหาม่ามี๊ก่อนนะครับ ”
ร่างบางรับเด็กน้อยมากอดกกไว้ พลางหลบหลีกสายตาห่วงหาที่ชายผู้นั้นส่งมาให้เขา จะทำให้เขาทรมานไปถึงเมื่อเมื่อไหร่
รีบไป .....
แล้วรีบกลับมาสิ เจ้างั่งเอ๊ย !!
“ เทน ข้าไปแล้วนะ เจสันเป็นเด็กดีนะครับ”
“ปะ ป๋า .....”
“ ปะ ป๋าจะรีบกลับมานะ ”
ยื่นมืออกไปลูบหัวเด็กน้อยที่เอาแต่กางแขนป้อมๆให้เขาอุ้มท่าเดียว ริมฝีปากหยักหนาแย้มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะฉกหอมแก้มนุ่มของลูกรักฟอดใหญ่
“ เป็นเด็กดีกันหล่ะ ลาก่อน ....”
ร่างสูงโปร่งถอยไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะหันจากไป ใบหน้าหล่อเหลาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เมื่อโสตประสาทของเขารับรู้ถึงน้ำเสียงหวานเล็กของคนรักที่พร่ำพูดอะไรบางอย่างออกมาจากที่ ที่เขาพึ่งเดินจากมา
“ ดูแลตัวเอง แล้วรีบกลับมานะ ”
END
ผลงานอื่นๆ ของ witches0704 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ witches0704
ความคิดเห็น